Ad

Right Up Corner

Ad left side

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

อเมริกาสร้างบังเกอร์หรู...ทางรอดของมนุษย์ฺในวันสิ้นโลก?

มะกันเปิดตัว “วีโวส” บังเกอร์สุดหรูใต้ดินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ที่มีความแข็งแกร่งทนทานสามารถต้านทานภัย พิบัติร้ายแรงทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและน้ำมือมนุษย์ แต่ละบังเกอร์รองรับประชาชนได้มากสุดถึง 200 คน ภายในมีอาหาร ยา ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างครบครัน จึงช่วยให้ผู้ที่อยู่ภายในสามารถใช้ชีวิตแบบสบายๆ ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องออกจากบังเกอร์




หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าภาพยนตร์เรื่อง “2012 วันสิ้นโลก” และ “The Day After Tomorrow” (วิกฤติวันสิ้นโลก) นำเสนอภาพภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์แบบโหดร้ายเกินจริง อาจรู้สึกว่าแนวคิดในการก่อสร้างบังเกอร์ “วีโวส”ของบริษัท Vivos ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นแค่จินตนาการและเรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นไปได้ (ในเชิงพาณิชย์)




แต่สำหรับคนบางกลุ่มที่เชื่อเรื่องวันโลกา วินาศอย่างจริงจังและต้องการเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรง… บังเกอร์ใต้ดิน “วีโวส” ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ ที่ไม่ประมาท (หรือแม้แต่ภาครัฐบาล) เตรียมตัวรับสถานการณ์ร้ายแรงทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ได้อย่าง มั่นใจ
ที่ผ่านมา แนวทางหนึ่งที่มักถูกหยิบยกมากล่าวถึงในกรณีที่เกิดภัยพิบัติก็คือ “การหาที่กำบังใต้ดิน” เพราะบริเวณใต้พื้นโลกสามารถต้านทานหายนะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก เหตุการณ์ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิดครั้งร้ายแรงหรือซูเปอร์โวลคาโน (ครบกำหนด 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเองในปี 2012) การระเบิดหรือลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (solar flares) เหตุแผ่นดินไหวร้ายแรง สึนามิ และมหันตภัยจากกลุ่มดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้าชนโลก


ภาพจำลองการระเบิดหรือ ลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (solar flares)


รวมทั้งภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ เช่น ระเบิดนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ สงครามเคมี ตลอดจนการกลับมาอีกครั้งของ Planet X หรือที่รู้จักกันในนาม “ดาวนิบิรุ” ซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาล อันจะส่งผลให้เกิดการรบกวนระบบสุริยะ (วงโคจรของดาวที่ว่าจะมาถึงในปี 2012)

และด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทวีโวส จึงมีแนวคิดในการออกแบบบังเกอร์หรูสไตล์คอมเพล็กซ์ที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน ภายใต้ระบบอากาศแบบปิด (ไม่ให้มีอากาศเข้า-ออก) โดยออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบพึ่งพาตนเอง สามารถต้านทานภัยพิบัติร้ายแรงทุกชนิดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (รวมทั้งช่วยให้หลีกหนีจาก สังคมอนาธิปไตย ที่มีเหตุการณ์จราจล ประชาชนไม่เคารพกฏหมายและกติกาบ้านเมือง) เพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายในไม่เพียง “รอดชีวิต” แต่ยังสามารถ “ดำรงชีวิต” อยู่ได้เป็นอย่างดี และมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายหลังเกิดภัยพิบัติร้ายแรงอีกด้วย

“วีโวส” เป็นสถานที่กำบังที่สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้นราว 172-200 คน ทุกคนสามารถดำรงชีวิตแบบสบายๆ ภายในบังเกอร์ได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องเตรียมตัวหรือวางแผนใดๆ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวก็คือ เดินทางมาถึง “วีโวส” ให้ทันตามกำหนดเวลา ก่อนที่ระบบจะปิดล็อกเพื่อดำเนินมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย

ระบบกำบังของ “วีโวส” มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษ ได้รับการออกแบบให้สามารถต้านทานแรงระเบิดขนาด 50 เมกะตัน (เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 50 ล้านตัน) ภายในประกอบด้วยส่วนของที่พักอาศัย (ในบริเวณที่มีลักษณะคล้ายท่อ) จำนวน 10 จุดที่อยู่รายรอบและเชื่อมต่อกับโถงกลางรูปทรงกลมหรือโดม 2 ชั้นขนาด 60 ฟุต ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่อยู่กลาง
ที่พักอาศัยแต่ละโซน จะมีระบบผลิตพลังงาน ธนาคารแบตเตอรี่สำรอง บ่อกักเก็บน้ำ ระบบกรองอากาศ (สามารถป้องกันและกำจัดการปนเปื้อนของเชื้อโรค สารเคมี และรังสีชนิดต่างๆ) ระบบบำบัดน้ำเสีย ตลอดจน คลังเก็บเสบียง เสื้อผ้า ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน (รวมทั้งรถยนต์ออฟโรด) เป็นของตัวเองอีกด้วย



ผู้ที่อาศัยอยู่ใน “วีโวส” จะมีพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวคนละ 100 ตารางฟุต (9 ตารางเมตร) ในขณะที่กาชาดสากลระบุว่าที่กำบังหรือสถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 40 ตารางฟุต (เกือบ 4 ตารางเมตร) ส่วนหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของสหรัฐอเมริกา หรือ FEMA ระบุว่า สถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 50 ตารางฟุต (เกือบ 5 ตารางเมตร)

ช่วงที่ยังไม่มีการใช้งาน ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ตรวจสอบ บำรุงรักษา ซ่อมแซม และรักษาความปลอดภัยบังเกอร์หลบภัยใต้ดินให้เจ้าของร่วม (ลูกค้า) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

ปัจจุบัน บริษัท “วีโวส” กำลังเตรียมก่อสร้างสถานที่หลบภัยใต้ดิน 20 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เป็นบ้านของประชาชนราว 4 พันคน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ประมาทและเชื่อในคำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลกได้เข้า ร่วมลงทุนและจับจองพื้นที่ เพื่อเตรียมตั้งรับภัยพิภัติร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ทั้งในอนาคต อันใกล้หรืออีกหลาย 10 ปีข้างหน้า โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งในเบื้องต้นมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบังเกอร์แต่ละแห่งมีมูลค่าราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300 ล้านบาทเลยทีเดียว














 














ขอบคุณ : terravivos และ bsnnews

yengo ad

BumQ