Ad

Right Up Corner

Ad left side

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ว่ากันด้วยเรื่องยาคูลท์ วู๊ๆๆๆ

อ่านให้จบนะ ช่วงท้ายบทความมีเมนูไฮไลท์ จากยาคูลท์
 
 
 
 
 
 

http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:P3bCuA02DrP_SM:http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/49981.jpghttp://t2.gstatic.com/images?q=tbn:P3bCuA02DrP_SM:http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/49981.jpghttp://t2.gstatic.com/images?q=tbn:P3bCuA02DrP_SM:http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/49981.jpghttp://t2.gstatic.com/images?q=tbn:P3bCuA02DrP_SM:http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/49981.jpg
         
http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/icon_ani_k_kya-.gif    ยาคูลท์... เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้     http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/icon_ani_k_kya-.gif         
http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_pink.gif      ปัจจุบันมีเครื่องดื่มน้ำสีส้มขวดขาวขุ่นออกมาวางแข่งกับยาคูลท์หลายยี่ห้อ ดิฉันก็เคยซื้อกินเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันถูกดี กินทีอิ่มไปหลายชั่วโมง หลอดก็ใหญ่กว่าดูดได้สะใจ หรือจะยกซดก็ไม่เลว แต่จะว่าไปแม้จะพยายามเลียนแบบอย่างไร
(
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าอื่นเขาจงใจเลียนแบบหรือแค่บังเอิญ) ยาคูลท์ก็ยังไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_sky.gif    มีข้อน่าสังเกตคือ ยาคูลท์ไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 ขวด เนื่องจากแท้จริงแล้วยาคูลท์นั้นมิใช่ขนม แต่เป็นนมที่ผ่านการหมักบ่มกับน้ำตาลและน้ำ และผสมกับเชื้อแบคทีเรียฝ่ายธรรมะ ที่ชื่อว่า Lactobacillus casei shirota strain ที่เราคุ้นๆหูกันอยู่นั่นเอง ดังนั้นถ้ามีไอ้ เลคโตบาสิลัสมากไป มันอาจจะแย่งที่อยู่   ทีนี้ละก็บ้านที่มันอาศัย หรือก็คือท้องของเราเองก็จะถูกแลคโตบาสิลัสพันธุ์นักการเมืองปู้ยี่ปู้ยำ ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรคงไม่ต้องบอก

http://www.bloggang.com/data/pattani/picture/1191677015.jpg

Lactobacillus casei shirota


http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_gre.gif  ยาคูลท์ทำงานอย่างไร
หากมองลงไปในพุงกะทิของเราเองจะเห็นว่าลำไส้เล็กนั้น จะบีบขย้ำกดขี่ข่มเหงและแปลงอาหารที่เรากินเข้าไปให้เป็นสารที่เป็นประโยชน์ เพื่อรอการดูดซึมแต่ในขณะเดียวกันก็จะมีสารที่เป็นโทษหลุดรอดออกมาด้วย เมื่อร่างกายก่อเกิดความสมดุลของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ระบบย่อยอาหารของเราก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ



http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/920/3920/images/yacult/yacult2.jpg


http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_red.gif   เฉลี่ยแล้ว แลคโตบาซิลัสมีมูลค่าตัวละ 0.00000000075 บาท
แต่ถ้าสมดุลเสียไป สารพิษและสาร อันตราย อาจถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย ดังนั้นไอ้เจ้าแลคโตบาสิลัสก็เลยคิดใหม่ทำใหม่กลายเป็นพระเอกม้าขาว(ออกสีนวลๆส้มๆหน่อย) เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการปรับสมดุลของลำไส้ ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของช่องท้องให้ สม่ำเสมอ ลดสารที่จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ถูกผลิตโดยแบคทีเรียฝ่ายค้าน(ฝ่ายย่อยสลาย)




จุดเริ่มต้น


http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_ora.gif  หากใครคิดว่ายาคุลท์มีแค่เมืองไทยละก็ผิดถนัด เพราะยาคูลท์มีสัญชาติญี่ปุ่นเต็มตัวนับว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับโกโบริก็น่าจะได้ เพราะเมื่อ 70 กว่าปีก่อนหรือปี คศ.1930 ดร.มิโนรุ ชิโรตะ (คศ.1899-1982) จากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเกียวโตประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มต้นวิจัยพัฒนายาคูลท์ขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุที่ว่าในช่วงเวลานั้น ชาวญี่ปุ่นประสบกับปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากขาดสารอาหาร การสาธารณะสุขและสภาพเศรษกิจ และในระหว่างปี คศ. 1930-1935 ดร.ชิโรตะสามารถจำแนกแยกแบคทีเรียจากลำไส้คนได้ถึง 300 ชนิด

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_plum.gif  เป้าหมายหลักคือจำแนกแบคทีเรียที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากการเดินทาง ของมันผ่านช่องท้องและน้ำดีที่มีฤทธิ์เป็นกรด ไปสู่ลำไส้เล็ก ที่ๆมันสามารถทำงานได้ในระบบย่อย แบคทีเรียแต่ละชนิดถูกทดสอบความทนทานต่อกรดและน้ำดี และแบคทีเรียตัวที่หนังเหนียวที่สุดก็คือ  http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_good_sky.gif    ถ้าเก็บที่อุณหภูมิ 10 องศา จุลินทรีย์จะหลับ แล้วช่วงที่เราเอาออกมาดื่ม ณ อุณหภูมิห้อง 37-38 องศา มันจะตื่นก็พร้อมจะทำงานให้ร่างกายเราทันที

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_good_yellow.gifถ้าตู้เก็บความเย็นไม่พอ หรือวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง จุลินทรีย์อาจมีปริมาณมากกว่าที่ระบุไว้ข้างขวด เพราะมันเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ แต่ตัวพ่อตัวแม่จะเริ่มอ่อนแอลง เพราะออกลูกออกหลานจนเหนื่อย ....ฉะนั้นให้รีบๆ  กินซะ
http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_good_green.gif แต่ถ้าคุณปล่อยให้ยาคูลท์ตากแดด จุลินทรีย์จะตาย ยังกินได้อยู่นะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ...
http://blog.fukduk.tv/files/imagecache/cover_center/files/cover/305204.jpg
http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/kuma_chuusha.gif ยาคูลท์ ช่วยกำจัดกลิ่นในจุดซ้อนเร้นของผู้หญิง

 
เชื่อได้ว่า...คงมีสาวๆหลายคนที่ กำลังประสบปัญหากับสิ่งนี้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์จุดซ้อนเร้นที่หากแฟนหนุ่ม เข้าใกล้คงร้องจ๊ากจนต้องวิ่งหนีไปสามร้อยลี้ จนทำให้เพื่อนๆ ขาดความมั่นใจ แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆกับวิธีง่ายๆมาฝากกันในการกำจัดกลิ่นนั้นให้หายไป ค่ะสำหรับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในจุดซ้อนเร้นของสาวๆที่เกิดขึ้นนั้น เกิดได้จากเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอดน้อยลง ซึ่งถูกทำลายโดยแบตทีเรียจนเกิดเป็น กลิ่นออกมาในบางรายกลิ่นอาจจะแรงมากแม้ในขณะเข้าใกล้แต่ไม่ใช้เรื่องน่าตกใจ เพราะปัญหาที่เกิดนี้มีวิธีรักษาได้อย่างง่ายดายส่วนวิธีรักษานั้นเพียงแค่เพื่อนๆเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่เกิดอยู่โดยเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ว่านี้ก็คือเชื้อ "แลคโตบาซิลัส" (Lactobacillus)ที่มีอยู่ในยาคูลท์ ซึ่งเพื่อนๆ คงรู้จักกันดี เพียงแค่เพื่อนๆ ทานยาคูลท์วันละขวด เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับร่างกายให้เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเท่านี้กลิ่นที่เพื่อนๆ ไม่พึงประสงค์ในจุดซ้อนเร้นก็จะหายไปเอง
http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/icon_ani_k_kya-.gif ยาคูลท์ปั่นสูตรผู้ใหญ่นะจร๊ะ...หุหุใส่เรด ซู่ซ่าส์..http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/icon_ani_k_kya-.gif

นำยาคูลย์น้ำแข็งโซดาปั่นรอบแรกพอละเอียด ใส่
เรดเลเบิล
(
เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสดชื่น)
http://www.bloggang.com/data/moopee-nitty/picture/1183633347.jpg
http://www.bloggang.com/data/moopee-nitty/picture/1183633597.jpg

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_pink.gifเพิ่มสีสันให้เล็กน้อยด้วยสีสวยๆจากน้ำหวาน หลังจากนั้นก็
ก็ใส่ เยลลี่ ลงไปปั่น จะได้ออกมา
หน้าตาแบบนี้แหละ...ฮี่ๆๆ..
http://www.bloggang.com/data/moopee-nitty/picture/1183691242.jpg

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_pink.gifน่ากินมั้ยล่ะ เทใส่แก้ว เพื่อความสวยงาม
http://www.bloggang.com/data/moopee-nitty/picture/1183691420.jpg

http://i281.photobucket.com/albums/kk207/nu_nuiii/brown%20bears/ani_k_star_pink.gifที่นี้ก็ได้เครื่องดื่มดับร้อน แก้กระหายแล้วจ้า  ซู่ซ่าส์ๆๆ ..

yengo ad

BumQ