Ad

Right Up Corner

Ad left side

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

อ่านดูนะ มันทำให้น้ำตาไหลได้จริงๆ ดีมากอ่ะ

หลังจากที่แต่งงานมาได้   21   ปี
ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ



เพราะ....วันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง
มันเป็นไอเดียของเธอล้วน ๆ จริง ๆ นะ


'   ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ '   ภรรยาผมพูด

' แต่ผมรักคุณนี่ '   ผมเถียง

' ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน '



ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ  
' แม่ '   ของผมเอง  
ซึ่งเธอเป็นหม้ายและใช้ชีวิตเพียงลำพังกับสัตว์เลี้ยงมา   19   ปีแล้ว

เนื่องจากงานที่รัดตัว ทั้งเจ้านายและลูกค้าที่ผมจะต้องรับผิดชอบ
และยังมีภรรยาและลูก ๆ ที่ต้องดูแล
ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น

ผมตอบตกลงกับภรรยา และขอบคุณที่เธอให้โอกาสเช่นนั้น
วันที่ผมโทรไปหาแม่ เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง
แม่ถามผมว่า   ' มีอะไรหรือ ?   ลูกสบายดีรึเปล่า ?'
แม่คิดว่าการที่ผมโทรมาหาอย่างกระทันหัน
หมายความว่ า   มีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น  
ผมตอบแม่ว่า   ' ไม่มีอะไรคับ ก็อยากคุยกับแม่ และคงจะดีมาก ถ้าเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ดูหนังด้วยกันสักเรื่อง '
แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า   ' ได้สิจ๊ะ แม่ยินดีมากเลยจ้ะ ' + ' แล้วลูกมีเวลาว่างแล้วเหรอจ๊ะ หยุดงานได้เหรอ '
...
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน  
ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตได้ว่า
แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน  
แม่สว มเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว

แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย
พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์

แม่บอกเพื่อน ๆ ว่า   ' จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย '    
แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ   เพื่อน ๆ ของแม่ต่างพากันประทับใจยกใหญ่

เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยม  
บรรยากาศก็อบอุ่นสบาย ๆ มาก ๆ  
ผมวางแผนว่าต้องเป็นร้านในสไตล์ที่แม่ต้องชอบ

แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง

หลังจากที่เรานั่งเรียบร้อยแล้ว  
ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร  
เพราะแม่บอกว่า   ' ตอนนี้สายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น '

เมื่อผมอ่านเมนูอาหารไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง
จึงหยุดเว้นจังหวะ เพื่อให้แม่ได้เลือกรายการอาหาร
ผมเงยหน้าขึ้น   มองเห็นแม่กำลังจ้องมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง

แม่พูดเปรยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า  
' ตอนที่ลูกยังเด็ก แม่ต้องเป็นคนอ่าน เมนูให้ลูกฟังหลายรอบ '  

ผมบอกแม่ว่า   ' งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบาย ๆ บ้างแล้ว '  

ในระหว่างมื้ออาหารนั้น
เราคุยกันอย่างถูกคอ   -   ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร -
เพียงแต่สลับกันถามว่าชีวิตของเรา

เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน

...

เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า   ' แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ ' -
' แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ '



' แน่นอนครับ '
  ผมตอบตกลง


' ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง ?'   ภรรยาถาม เมื่อผมกลับถึงบ้าน
' วิเศษมาก ๆ ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย '   ผมตอบ

อีกไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย

หลายวันต่อมา  
ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป
มีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า...


' แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปอีกครั้งไม่ได้ -
แต่... แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือ สำหรับลูกกับภรรยา - ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน ,   รักลูกมากจ๊ะ '



ณ วินาทีนั้น ผมได้เข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า  
'' รัก '
ต่อคนที่เรารัก ในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมัน

ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ
จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ
เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้


- บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป
คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่


- บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้
คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน
..................................................................




yengo ad

BumQ