>*โลกกว้างเกินไป…หรือ…หัวใจเราแคบเกิน……..//*
>วันเวลาที่ผ่านมา
>ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
>ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา
>บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป
>แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น..
>
>จากคนแปลกหน้า
>กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย
>ล่วงเลย
>ไปถึงกลายเป็นคนรักกัน
>
>เวลาเปลี่ยน
>สถานการณ์เปลี่ยน
>สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
>บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า
>ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จัก
>คนคุ้นเคย
>หรือคนรักกันไว้ได้อย่างคงที่...
>
>บางคน
>เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า
>กลายเป็นคนคุ้นเคย...จากคนเคยคุ้น
>กลายมาเป็น
>คนรักกัน ..
>ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้...และเมื่อนั้น
>เรื่องราวดี ๆ
>สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น
>..
>
>แต่ในทางกลับกัน..ระยะห่างของบางคน
>อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
>จากคนเคยรัก
>คนเคยคุ้น
>กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ..
>กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป
>..
>
>แน่นอนว่า
>ระยะห่างของคนรู้จัก กับ
>คนรัก
>ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่..
>แต่นั่นแหละ
>ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ..
>ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา
>พอกับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก..ไม่มีมาตราวัดใด
>ๆ
>ที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
>และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน..เราระบุชัดไม่ได้ว่า
>1 เท่ากับ 1
>ในความรู้สึกของอีกคน 1
>ในความรู้สึกของคนหนึ่ง
>อาจจะเป็น 100
>ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้..และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน
>เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว
>เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ..
>
>กับคนบางคน
>เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
>เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
>กับคนบางคน
>เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่
>เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป..แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา
>ระยะห่าง ตรงกลาง
>ไว้ให้คงที่ ไม่ให้ห่างหาย
>จางหนี หรือ
>เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด..
>
>เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ..
>ขณะที่เราเดินเข้าหา
>บางคนกลับกำลังเดินหนี
>กับบางคนเรากำลังเดินหนี
>บางคนกลับเดินตาม...กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง
>ไม่ต้องใกล้มาก
>แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน..
>
>ขณะที่บางคนวิ่งตาม
>ล้มลุกคลุกคลาน
>และเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
>และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี
>โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
>อะไรก็เกิดขึ้นได้กับความรู้สึกคน..
>เหนื่อยแสนเหนื่อย
>ล้าแสนล้า
>แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม
>พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น
>
>บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้บนความห่าง
>ห่างจนลับตา
>..ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน
>..ไม่เคยรับรู้ว่า
>ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน
>แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
>ไม่ต้องห่างไป
>แต่เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้. ..ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ...
>การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก
>แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย
>ๆ
>คน...บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต..ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม..ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง
>ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
>ปล่อยทุกอย่าง!
>ให้เป็นหน้าที่ของเวลา
>ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง
>ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย...ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหารย์
>
>เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
>ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง
>ระยะห่างจะได้สั้นลง
>พยายามต่อไป
>เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า
>ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี
>ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง
>เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี
>ๆ
>ไปเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน
>เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
>เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า
>การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี..เสียอีก..
>
>แล้วคุณเล่า
>เคยนึกย้อนกลับมามอง
>ระยะห่าง
>ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม..เคยรู้สึกไหมว่า
>บางที ความห่างไกล กับ
>ระยะห่างของความรู้สึกกลับเป็นตัวแปรผกผันกัน
>เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้
>ๆ
>หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล
>กันบ้างไหม.???
>
>เคยคิดกันบ้างไหมว่า
>ระหว่างคนพยายามเดินหนี
>คนที่พยายามเดินตาม
>และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับ!
>เท่าเดิม
>คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน ...
>....
>
>หรือ….
>
>อาจเป็นเพราะ ..
>โลกกว้างเกินไป
>
>หรือไม่... หัวใจเราแคบเกิน