Ad

Right Up Corner

Ad left side

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เบื่อหน้าตัวเอง ใช่ไหม?

กบแปลงร่างเป็นม้า

ส้ม อันตราย เส้นใยสีฟ้า


อันตรายจากเส้นใยสีฟ้า

ส้มนอกจากจะให้วิตามินซีอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว  ยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยที่ช่วยให้
เราขับถ่าย ได้สะดวกอีกด้วย  ส้มจึงจัดเป็นผลไม้ยอดนิยมชนิดหนึ่ง แต่  ก็มีสิ่งที่ควรระวังที่ดูยามบริโภค
ส้มที่ต้องขอเตือนกันสักหน่อยว่า  ในยามเกษตรกรปลูกส้มนั้นเขาจะฉีดฝุ่นสารเคมีกันแมลงกันราทำลายผิว
เพื่อให้ส้มดูผิวสวยน่ารับประทานจะได้ราคาดี

หากมีการเก็บก่อนกำหนด  สารนี้จะตกค้างที่ผิวและ ถูกดูดซึมเข้าไปในผลส้ม
ทำให้เส้นใยของส้มมีสีฟ้าแกมเขียวที่สังเกตุได้  สารนี้เป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำธรรมดา  แต่ละลายได้ในกรดเกลือเจือจาง
ซึ่งอยู่ในน้ำย่อยของคน  เมื่อถูกน้ำย่อยละลายสารพิษก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทำให้อาเจียน ปวด
ท้องรุนแรง  วิงเวียนหน้ามืด ตาลาย เพลีย เป็นตะคริว ชักหมดสติ หากร้ายแรงอาจถึงตายได้

ก่อนรับประทานส้มจึงควรดูเส้นใยให้ดีว่า สีของเส้นใยเป็นสีอะไร ก่อนที่จะรับประทาน

จากวารสาร "น้ำก๊อก"

เรื่องของพี่น้อง

>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คนแต่ละวัน  พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดิน
>ในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ  ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3
>ปี
>
>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน จาก
>นั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือ
>พ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
>"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมากไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่น
>กัน
>พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า "ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่
>นั่นล่ะ"พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
>
>ทันใดนั้นน้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้แล้วพูดว่า "ผมขโมยเอง
>ครับ"
>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
>พ่อโกรธมากพ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน
>"ของคนในบ้านแกเองแกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย
>ไอ้หัวขโมย"คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
>หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมดแต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
>
>กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆของเขามา
>ปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"
>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
>หลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
>ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.
>ปลาย ว่าเขาสอบได้ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจาก
>มหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
>
> คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้านฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูก
>เราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูด
>ว่า
>"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"
>
>ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า  "ผมไม่ต้องการเรียน
>ต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆอย่างนี้ ต่อ
>ให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"
>คืนนั้นทั้งคืนพ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อขอยืมเงิน
>ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆและคิดว่า
>"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไป
>ได้"
>แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ใครจะรู้ได้
>
>...วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติด
>ตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิวก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอน
>ของฉัน
>ขณะฉันกำลังหลับ "พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ..ผมจะไป
>หางานทำแล้วจะส่งเงินมาให้พี่"
>ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า...ฉันร้องไห้จน
>เสียงแหบแห้งไป
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี...ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคน
>ในหมู่บ้าน
>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม
>ที่ไซท์ก่อสร้าง... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
>
>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก เพื่อนร่วมห้องของฉันได้
>เข้ามาบอกว่า
>"มีชาวบ้านมาหาเธออยู่ข้างนอกแน่ะ" ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???
>ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
>
>ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้ ขืนบอกว่าเป็น
>น้องพี่ เพื่อนๆ
>ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
>ฉันค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆ
>ในลำคอ
> "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็
>ตาม"
>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นกิ๊บหนีบผมรูป
>ผีเสื้อ ...
>เขาติดกิ๊บให้ฉันแล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่
>ติดบ้าง"
>
>ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใดดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
>เป็นเวลานาน
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ...
>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก
>ฉันสังเกตเห็นว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกไปได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
>
>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไปฉันพูดกับแม่ว่า "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความ
>สะอาดบ้านกับซ่อมกระจก เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอกน้องชายลูกต่างหาก วันนี้เค้าขอเลิก
>งานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอน้อง
>โดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
>ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่ม
>ลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด
>"เจ็บมากไหม"ฉันถาม
>"ไม่เจ็บสักหน่อยพี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆมีหินตกมาใส่เท้าผมเต็ม
>ไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะและ..."
>น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยคแต่ก็ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปีส่วนฉันอายุ 26
>ปี...
>
>หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
>
>แต่เมื่อออกไปแล้วท่านไม่รู้จะทำอะไรดีจึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่
>บ้านตามเดิม
>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ... เขาบอก
>กับฉันว่า
>"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"
>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
>
>... แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงาน
>ธรรมดา
>วันหนึ่งน้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล และตกลงมาเพราะโดนไฟ
>ดูด ... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
>น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ...ฉันโกรธมาก
>จึงตวาดน้องไปว่า "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! ถ้าเป็นผู้
>จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิเจ็บเจียนตายอยู่
>แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
>
>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียดยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
>"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษา
>ต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการคงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"
>
>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า
>"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
>ด้วยล่ะครับ"
>น้องชายของฉันจับมือฉันไว้ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29
>ปี...
>
>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปีเขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียว
>กัน
>ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า "ใครคือคนที่คุณรักที่สุด
>ในชีวิตนี้"
>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ... และเขาก็เล่าเรื่อง
>ราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
>"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถมโรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เราสองคนพี่น้องต้อง
>ใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งผมทำถุงมือหาย
>ไปข้างหนึ่งพี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง และเธอก็ใส่ถุงมือเพียง
>ข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกลเมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น
>ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผมผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดีและจะทำดีกับ
>เธอ"
>
>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วสายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน คำ
>พูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณ
>ที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
>
>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีก
>ครั้ง...
>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆวันในชีวิตของคุณและเขา
>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
>แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
>...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือพ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่
>คุณไม่รู้จักก็

HOW TO STAY YOUNG

HOW TO STAY YOUNG




[]


HOW TO STAY YOUNG



1. Throw out non-essential numbers. This includes age, weight and height.

Let the doctors worry about them. That is why you pay them.

2. Keep only cheerful friends.
The grouches pull you down. (keep this In mind if you are one of those grouches;)

[]

3. Keep learning:
Learn more about the computer, crafts, gardening,
whatever. Never let the brain get idle.
"An idle mind is the devil's workshop."
And the devil's name is Alzheimer's!


4. Enjoy the simple things.

[]

5. Laugh often, long and loud. Laugh until you gasp for breath.
And if you have a friend who makes you laugh, spend lots and Lots of time with HIM/HER.

[]

6. The tears happen:
Endure, grieve, and move on. The only person who is with us our entire life, is ourself. LIVE while you are alive.



7. Surround yourself with what you love:
Whether it's family, pets, keepsakes, music, plants, hobbies, whatever.
Your home is your refuge.

[]

8. Cherish your health:
If it is good, preserve it.
I f it is unstable, improve it.
If it is beyond what you can improve, get help.




9. Don't take guilt trips.
Take a trip to the mall, even to the next county, to a foreign country, but NOT to where the guilt is.

[]

10. Tell the people you love that you love them, at every opportunity.

[]


And if you don't send this to at least 4 people - who cares?

But do share this with someone
.


[]

 
 

ทายนิสัย จาก การใส่แหวน

>>>ทายนิสัยจากการใส่แหวน
>>>
>>>ถ้าคุณจะใส่แหวนมือขวาคุณจะใส่แหวนนิ้วไหน
>>>
>>>นิ้วแต่ละนิ้วที่คุณใส่แหวนสามารถทำนายนิสัยและความรักของคุณได้
>>>
>>>
>>>นิ้วก้อย
>>>
>>>คุณมักจะตกอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าโลกของความเป็นจริงมีนิสัยน่ารัก
>>>แต่เก็บกด
>>>มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของคุณออกมาให้คนอื่นได้รู้ได้เห็น
>>>ในเรื่องของความรัก คุณมักจะคล้อยตามอารมณ์
>>>ความรู้สึกร่วมไปด้วยเสมอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น
>>>คุณอาจจะร้องไห้เมื่อเพื่อนสนิทของคุณอกหัก
>>>หรืออาจจะกรี๊ดกร๊าดเมื่อเพื่อนคุณมีความสุขเมื่อพบกับหนุ่มหล่อเท่
>>>คุณเป็นคนที่จิตใจเยือกเย็น
>>>พอใจในคนรักของตัวเองไม่จุกจิกจนน่ารำคาญใจ
>>>ผู้ใดใกล้ชิดหรืออยู่ด้วยก็สบายใจไปแปดอย่างเวลาที่ชายหนุ่มได้คุยกับคุณสักพักเขาจะรู้สึกสบายใจและสนุกสาน
>>>คุณมีคุณสมบัติของลูกผู้หญิงเต็มตัวลักษณะเด่นของคุณ คือ
>>>คุณสามารถทำให้ผู้ชายรู้สึกตัวว่าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข
>>>คุณเป็นคนที่จริงใจกับความรักเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยลืมวันสำคัญ ๆ
>>>เลยลึก ๆ แล้วคุณเป็นคนที่โรแมนติกนะจ๊ะ
>>>
>>>
>>>นิ้วนาง
>>>
>>>คุณเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง
>>>หนุ่มใดที่มาใกล้ชิดคุณเอาอกเอาใจคุณแต่ไม่ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา
>>>(เสแสร้ง) คุณจะเกลียดมาก จนไม่อยากจะเจอะเจออีกเลย
>>>แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ชอบเห็นขายหนุ่มมากหน้าหลายตามาตามจีบคุณหรือให้ความสนใจในตัวคุณ
>>>คุณเป็นคนที่กล้าหาญชาญชัย แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่รู้นิสัยคุณจริง ๆ
>>>คนที่ใกล้ชิดคุณเท่านั้น
>>>ที่จะรู้ว่าภายใต้ความรู้สึกที่เข้มแข็งของคุณนั้น คือความบอบบาง
>>>คุณเป็นคนที่ชอบคุยและก็คุยได้สนุกเสียด้วยสิ
>>>การได้โต้เถียงหรือทำตัวเหมือนดื้อรั้นคือความสุขของคุณจริง ๆ
>>>คุณอาจจะรู้สึกเหงาหรือไม่มีเพื่อน ถึงแม้คุณจะผิดหวังอกหัก
>>>แต่คุณก็สามารถบอกกับใคร ๆ ได้ว่า ธรรมดา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
>>>ฉันไม่ได้ใส่ใจด้วย
>>>ทั้งที่ลึกๆแล้วคุณปวดร้าวน่าดูก็แค่ระยะเวลาไม่นานนักคุณก็จะกลับมาเฮฮาปาร์ตี้ได้เหมือนเดิม
>>>
>>>นิ้วกลาง
>>>
>>>คุณเป็นคนที่มีจิตใจรื่นเริงแจ่มใส
>>>มีจิตนาการสูงในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
>>>คุณมีบทบาทมากมายในชีวิตบางทีคุณก็ดูเงียบขรึม บางทีคุณก็ดูร่าเริง
>>>และในบางครั้ง คุณก็จะทำตัวเป็นที่น่าส่งสารของผู้ได้พบเห็น
>>>คุณเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นผู้หญิงที่ขี้อายถ่อมตน
>>>คุณมักจะประหม่าหรือเคอะเขินเมื่อยู่ใกล้ชายหนุ่ม
>>>นิสัยไม่มั่นใจในตัวเอง คุณจึงกลัวไปทุกเรื่อง
>>>กลัวว่าจะสวยไม่พอบ้างล่ะ กลัวว่าหุ่นจะไม่ดีบ้างล่ะ
>>>กลัวว่าคุณจะไม่ฉลาดพอบ้างล่ะ
>>>หนุ่มใดมาจีบคุณต้องสร้างความมั่นใจให้กับคุณโดยการพูดซ้ำบ่อย ๆ
>>>ให้คุณรู้สึกว่าสิ่งที่คุณมีอยู่น่ะดีเลิศวิเศษหรู
>>>คุณเป็นคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของผม (ทำนองเดียวกับบ้ายอนะแหละ)
>>>
>>>นิ้วชี้
>>>
>>>คุณมักจะชอบทำอะไรแปลก ๆ ที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน
>>> คุณมีเสน่ห์บางอย่างในตัวที่ดึงดูดใจผู้ที่มาใกล้ชิดมีแบบฉบับการแต่งตัว เป็นของตัวเองมีความเชื่อมั่นว่าตัวคุณจะดูดีในชุดที่เลือกใส่เอง
>>>ไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิงตามแฟชั่นให้มันเมื่อยตุ้ม
>>>คุณรักความหรูหราแบบแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร
>>>ยิ่งเป็นเครื่องประดับที่แปลกๆ
>>>หายากหรือไม่เหมือนชาวบ้านด้วยแล้วเป็นอะไรที่คุณโปรดปรานมากเลย
>>>ความเฉลียวฉลาด
>>>ความสง่างามของคุณนั้นนับว่าเป็นสาวไฮโซทรงเสน่ห์ที่มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากมาย
>>>มีรสนิยมสูง หนุ่มคนใดหวังจะชวนคุณไปทานข้าวละก็
>>>จำไว้เลยว่าร้านข้าวแกงข้างถนนน่ะชวนได้ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ
>>>ต่อไปคุณไม่ไปไหนมาไหนกับหนุ่มคนนี้อีก อย่าลืมว่าคุณชอบของแปลก ๆ
>>>ในความแปลกของคุณน่ะ คือจุดอ่อน
>>>
>>>นิ้วหัวแม่มือ
>>>
>>>คุณเป็นคนแปลกไม่แคร์สังคม ไม่แคร์สายตาผู้อื่นเป็นตัวของตัวเอง
>>>และเป็นแบบฉบับชองตัวเองมากที่สุด
>>>คุณมีความเชื่อมั่นมากและมีความภูมิใจในตัวเองอยู่เงียบ
>>>กฏของสังคมไม่สามารถมาล้อมกรอบคุณได้ทั้งนี้เป็นเพราะคุณมีความอิสระซ่อนเร้นอยู่มากมาย
>>>ความหลักแหลมซื่อสัตย์ตะลุยฟันผ่าไปค้นหาในสิ่งที่คุณอยากได้
>>>คุณจะไม่สนใจอะไรแบบมองผ่าน ๆ
>>>ไปทีความสนใจของคุณที่มีต่อสิ่งที่คุณสนใจอยู่จึงมีมาก
>>>อารมณ์รุนแรงความโกรธของคุณรุนแรงกระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ใกล้มือใกล้เท้าก็พังพินาศหมด

ขำขำ มิสเตอร์บีน

1.สมองมิสเตอร์บีน
หมอ : หมอเสียใจที่ต้องบอกคุณว่าคุณมีเนื้องอกในสมอง

มิสเตอร์บีน : ต้องอย่างนั้นสิ!!!! (กระโดดดีใจตัวลอย)

หมอ : คุณเข้าใจในสิ่งที่หมอพึ่งจะบอกคุณไหมนี่

มิสเตอร์บีน : แน่นอนสิครับ

            หมอคิดว่าผมโง่รึไง

หมอ : ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงดีใจล่ะ

มิสเตอร์บีน : เพราะนั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวผมเองก็มีสมองน่ะสิครับ

2. มิสเตอร์บีนวัยประถม
อาจารย์ : 4+5 ได้เท่ากับเท่าไหร่

มิสเตอร์บีน : 9

อาจารย์ : แล้วถ้า 5+4 ล่ะ

มิสเตอร์บีน : ครูคิดจะหลอกผมหรือไง
                  ครูพึ่งจะสลับตำแหน่งตัวเลขนะ คำตอบคือ6

3. ขณะอยู่ในร้านขายยา
มิสเตอร์บีน : ผมอยากได้วิตามินสำหรับหลานชายของผม

เภสัชกร : ทานโทษ วิตามิน A B หรือ C ล่ะครับ

มิสเตอร์บีน : อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
                 หลานของผมยังไม่รู้จักตัวอักษรหรอก

4. ที่ตู้ ATM
เพื่อน : แกมองอะไรน่ะ

มิสเตอร์บีน : ฉันรู้เลขรหัสของแกด้วยล่ะ ฮี่ๆๆ

เพื่อน : ดีล่ะ งั้นบอกมาสิเลขรหัสของฉันคืออะไร

มิสเตอร์บีน : ดอกจันสี่ตัวไงล่ะ !!! (****)

5. กับเพื่อนน่ะ
เพื่อน : หนัง VDO. ที่แกยืมฉันไปเป็นไงบ้างล่ะ สนุกไหม

มิสเตอร์บีน : นายจะให้สนุกตรงไหนล่ะ
                 ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นหนังสยองขวัญ
                 เสียมากกว่า
                 ฉันมองไม่เห็นภาพอะไรเลย

เพื่อน : แล้วแกเอาเรื่องอะไรไปล่ะ

มิสเตอร์บีน : ม้วนล้างหัวเทป

6. การตายของแม่
มิสเตอร์บีน : (ร้องไห้) หมอพึ่งโทรมาบอก
                 แม่ของฉันตายเสียแล้ว

เพื่อน : เสียใจด้วยนะเพื่อน

มิสเตอร์บีน : (2 นาทีต่อมา) ร้องไห้ดังยิ่งกว่าเดิม

เพื่อน : เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะทีนี้

มิสเตอร์บีน : น้องสาวฉันก็พึ่งโทรมาบอกว่าแม่ของเธอก็ตายด้วยเหมือนกัน

7. มิสเตอร์บีนมาถึงในงานเลี้ยง
แขกผู้มาร่วมงาน : ขอโทษที่มาสาย ผมมัวแต่ติดอยู่ในลิฟท์ตั้ง 4 ชม.เพราะไฟดับ

มิสเตอร์บีน : ไม่เป็นไรหรอก
                 ผมเองก็มัวแต่ติดอยู่ที่บันไดเลื่อนตั้ง 3ชม.
                 เหมือนกัน

8.วิชาสะกดคำ
ลูกชาย : พ่อฮะ คำว่า successful นี่มีตัว C ตัวเดียวหรือว่า 2 ตัวฮะ

มิสเตอร์บีน : ใส่เผื่อไปเลย 3 ตัวเพื่อความแน่ใจลูก

แบบทดสอบ บุคลิกภาพ

ภัย จาก คลอโรฟอร์ม Chloroform

เรียน ท่านทุกๆท่าน
เรื่อง แจ้งเตือนภัยสังคม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.
    ดิฉันได้รับ ข้อความ แจ้งเตือนภัยจากคุณเพ็ญพิไล(จนท.ฝ่ายการเงิน) จึงช่วยกระจายข่าวให้ทุกท่านทราบขอให้ทุกๆท่านระมัดระวังภัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยที่เราไม่คาดคิดมาก่อนนะคะ
 

คลอโรฟอร์ม (Chloroform)

ชื่อเรียกอื่น Formyl trichloride; Freon 20; Trichloromethane.
CAS No. 67-66-3
สูตรโมเลกุล CHCl3
น้ำหนักโมเลกุล 119.38
จุดเดือด 61-62 องศาเซลเซียส
คุณสมบัติ เป็นของเหลวไม่มีสี ระเหยง่าย มีกลิ่นหอมหวาน
การใช้ที่ผิดกฎหมาย ใช้เป็นตัวทำละลายในการผลิต heroin, cocaine
การใช้ที่ถูกกฎหมาย ใช้ในการผลิต Fluorocarbon-22 เป็นตัวทำละลายน้ำมัน ไขมัน ยาง สารอัลคาลอยด์ ขี้ผึ้ง เรซิน และสารทำความสะอาด ใช้ในเครื่องดับเพลิงเพื่อลดจุดเยือกแข็ง
กฎหมายควบคุม พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.2495
บทลงโทษ ผู้ใดนำ ขนย้าย จำหน่าย มีไว้ในครอบครอง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงสภาพ ซึ่งโภคภัณฑ์นี้ โดยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่นั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


 

Subject:    Fw:
ช่วยส่งต่อให้มากที่สุด - BE WARE!

แจ้งเหตุร้ายจากสำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยบอกต่อขณะนี้กำลังมีการระบาดของ
กลุ่มมิจฉาชีพแกล้งทำทีมาขายสเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆแล้วสารในสเปรย์กระป๋องนั้นคือ คลอโรฟอร์ม ที่ทำให้ท่านสลบได้เหตุการณ์เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่นท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอดหรือรี่เข้ามาขณะท่านกำลังจะเข้ารถบริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป...หากท่านไม่ระวังหรือไขกระจกรถเพื่อพูดคุยด้วยสเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันที เมื่อท่านสลบ งัวเงีย สลึมสลือไม่ได้สติ ผู้ชายอีก2-3 คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ หรืออาจทำอันตรายร่างกายของท่านได้เพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกท่าน ขอให้ระวังตัวในทุกย่างก้าว และไม่ประมาทด้วยความปราถนาดี และห่วงใยเสมอ สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 

ช่วยกระจายต่อด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัยของตัว ท่านเองและบุคคลที่รัก

เครื่องดื่มรสดี

ตั้งสติ เมื่อ เจอภัย

>>  > +++ เชื่อว่า  คนส่วนมากคงจะเคยอ่านเรื่องราวลักษณะนี้มากันแล้ว
>> > >
>> > > กลยุทธ์ที่มันใช้  ไม่ต่างจากที่เคยอ่านกันมา
>> > > แต่ที่ตัดสินนำเรื่องที่เพิ่งเจอมาบอกต่อกันอีกครั้งนึงนี้
>> > >
>> > > เนื่องจากเป็นภัยใกล้ตัว  ไม่ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนประมาท
>>พวกมิจฉาชีพ
>> > > ยังมีอยู่ทั่วไป
>> > >
>> > > และเราก็เห็นถึงความสำคัญของการบอกต่อเรื่องราวลักษณะนี้
>> > >
>> > > เพื่อให้พวกเรามีสติอยู่เสมอ  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดค่ะ
>>+++
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > วันที่ 6 ต.ค. 2548(เมื่อวานเย็น)  เราออกจากที่ทำงาน ตึก
>> > > SoftwareParkแจ้งวัฒนะ เวลา
>> > > ประมาณ 6.15 น.  ยังไม่มืดดี
>> > >
>> > >
>>ขับรถกลับคนเดียวในลักษณที่เอนเบาะมากกว่าปกติ  เนื่องจากไม่ค่อยสบาย
>> > > ปวดท้องมาก จึงค่อยๆขับไป
>> > >
>> > > รถบนถนนแจ้งวัฒนะตอนนั้น  ค่อนข้างเยอะ ติดเป็นพักๆ
>>ไหลบ้างเอื่อยๆ
>> > > รถเราฟิล์มใส
>> > > (ก้อน่าจะมองเห็นจากข้างนอกได้ง่าย)
>> > >
>> > > เราก็เดินทางกลับบ้าน  (ทางรังสิต)  พอเลยแยกเมืองทองไป
>> > > เห็นรถติดยาวมากจากแยก บิ๊กซี  เลย
>> > > ตัดสินใจกลับทางลัด
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > ก็เลี้ยวเข้าถนนเลียบคลองประปา  ขณะนั้น เริ่มมืดแล้ว
>>แต่รถก็เยอะตามปกติ
>> > >
>> > > เมื่อผ่านแยกสรงประภา,ศรีสมาน  เราก็ไปทางถนนวัดนาวง เป็นถนนแคบๆ
>>2 เลนสวน
>> > >
>> > > เมื่อจอดรถติดอยู่อยู่ดีๆ
>>ก็มี  มอเตอร์ไซด์มาขนาบทางด้านซ้ายของรถ
>> > > และใช้มือทุบกระจกด้านที่นั่งข้าง
>> > > คนขับ  “ปึงปึง”
>> > >
>> > > เราหันไปมอง  เขาทำมือทำไม้อะไรสักอย่าง
>>ชี้ที่รถเขาและชี้ไปด้านหน้า
>> > >
>> > > เราก็งง นึกว่าเขาให้เขยิบขวา  เพราะจะแซงซ้าย เนื่องจากถนนแคบ
>> > > และมอไซด์มักจะทำแบบนี้บ่อย
>> > >
>> > > เราก็เถิบให้เขานิดนึง เขาตามมา  เคาะอีกที “ปึงปึง”
>>แล้วก็พูดอะไรสักอย่าง
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > เราเลยเลื่อนกระจกนิดนึง ปิดวิทยุ  ฟังว่าเขาพูดอะไร
>> > >
>> > > “คุณขับรถเบียดซ้ายผม  ทำผมล้ม โดนรถคุณด้วยเนี่ย!!” เรางง
>>ถามไปว่า
>> > > “ตรงไหนคะ ไม่รู้ตัวเลย”
>> > >
>> > > เขาพูดต่อ ว่า “เนี่ย ผมเจ็บนะนี่ (โชว์แขนซ้ายให้ดูด้วย
>> > > มีเลือดเต็มแขนไปถึงมือ) ทำไมขับรถแบบนี้
>> > > เห็นเป็นมอไซด์เหรอ  ทำไมไม่ระวัง”
>> > >
>> > > “ผมขับตามคุณมาตั้งนานนี่ กว่าจะทัน จะหนีเหรอ” เราก้บอกว่า
>>“เปลาค่ะ
>> > > แต่ไม่รู้ตัวจริงๆ”
>> > >
>> > > “ก็เปิดวิทยุดังขนาดนี้ จะได้ยินได้ไง”
>>เรางงอยู่  แล้วรถหลังก้อบีบแตรไล่
>> > > เพราะจอดนานพักนึง  เขา
>> > > เลยบอก
>> > >
>> >
>> > “ไปจอดคุยกันก่อนเลย” เขาก็ชี้ข้างหน้า  แล้วก็เร่งมอไซด์นำไป
>> > >
>> > > ตอนนั้น งงมาก ตกใจด้วย เห็นเลือด  มือสั่นเลยค่ะ
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > ก็ขับรถเลยจากจุดนั้นไปประมาณ  100  เมตรมีหมู่บ้าน โนเบิล
>>(มั้งคะ)
>> > > เขาจอดรถหน้าหมู่บ้าน  ตรง
>> > > ที่เป็น site ก่อสร้าง
>> > >
>> > > เราก็มองดูแล้ว  ไม่ไกลจากป้อมยามหมู่บ้านมากนัก เลยคิดว่า
>>คงไม่เป็นไร
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > เขามาคนเดียว ใส่ชุดซาฟารีสีเทาๆ  แขนสั้น อายุประมาณ
>>30 ปลายๆ
>> > > ก็เดินมาคุยตรงข้างคนขับ
>> > > เราเลยเลื่อนกระจกลงนิดนึง “ขับรถยังไงนี่ มาเบียดได้ไงนี่
>>รถผมพัง
>> > > เจ็บด้วยนี่ (โชว์แขนอาบเลือด
>> > > อีกครั้ง) ตามมาตั้งแต่คลอง
>> > > ประปาเนี่ย  จะหนีเหรอ”
>> > >
>> > > เราก็งงว่าตอนไหนเนี่ย ตกใจด้วย  เห็นเขาเจ็บ เลยบอกเขาว่า
>> > > “ขอโทรศัพท์ก่อนนะคะ” เขาก็บอก
>> > > ว่า “เร็วๆนะ รีบ”
>> > >
>> > > เราก็โทรหาแฟนเพราะนึกอะไรไม่ออก  จะถามเขาว่า “เป็นไปได้เหรอ
>> > > ชนแล้วไม่รู้เลยน่ะ ทำไงดี”
>> > >
>> > > คุยไม่ทันไร ยังไม่ทันรู้เรื่องเลย  แบตดันหมด (ซวยมาก)
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > เลยตั้งสติหายใจเข้าลึกๆ  นึกตามที่เคยอ่านมา คิดว่า
>> > > ยังไงก็ไม่ยอมลงรถไว้ก่อน  เลยเปิดกระจกคุย
>> > > กับเขาอีกครั้ง
>> > >
>> > > เขาก็ถามว่า “เอาไงล่ะ” เราขอยืมโทรศัพท์เขา ที่เหน็บไว้ที่เอว
>> > > บอกขอโทรหาแฟนก่อน
>> > >
>> > > เขาบอก “โทรศัพท์ผมไว้รับอย่างเดียว โทรออกไม่ได้ ของที่ทำงาน”
>>[พิรุธที่
>>1]
>> > > “โน่นไง  ตู้
>> > > โทรศัพท์”
>> > >
>> > > เราบอกไม่ล่ะ เลยถามเขาว่าชนตอนไหน  ยังไง เขาบอกว่า
>> > > “ตอนที่เลี้ยวเข้าคลองประปาน่ะ คุณ
>> > > เบียดผม  ล้มตกขอบ”
>> > >
>> > > เราก้นึก เอ  ทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หรือว่า
>>เขาล้มเองแล้วจะเอาผิดกับเรา
>> > >
>> > > แล้วถ้าตามมาจริงๆ  น่าจะทันตอนที่เราติดไฟแดงแยกสรงประภาศรีสมาน
>> > > เพราะติดอยู่ค่อนข้างนาน
>> > > ไม่น่าจะมาทันตอนที่อยู่เส้นวัดนาวงนี้ [พิรุธที่2]
>> > >
>> > > ระหว่างที่คิด
>>เขาก็พูดว่าเรา  บอกว่าเจ็บ ว่ารถเขาพังเนี่ย
>> > > (เราไม่ได้ใส่ใจมาก พราะเรากะลังรวบ
>> > > รวมสมาธิอยู่)
>> > >
>> > > เขาก็บอก “จะเอาไงนี่ จะลงมาดูไหมล่ะ  เดี๋ยวหาว่าผมโกหก”
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > เราก็นึกขึ้นได้ ว่าจุดนั้น  ห่างจากแฟลต ทอ. นิดเดียวเอง
>>เลยบอกเขาว่า
>> > > “เราต้องเรียกประกันนะ
>> > > ถ้าจะให้จ่ายน่ะ” เขาก็โวยวายก่อนเลยว่า
>> > >
>> > > “โอยผมไม่มีเวลารอหรอกนะ ผมรีบ เนี่ย ต้องไปทำแผลด้วย
>>ไม่รู้ต้องเย็บเปล่า
>> > > สงสัยศอกจะแตก”
>> > >
>> > > เราแกล้งบอกว่า
>>“ไปคุยที่บ้านเราละกัน บ้านเราอยู่ในเขตแฟลตทหารนี่เอง
>>ประมาณ
>> > > 300 ม.รู้จัก
>> > > ไหม”
>> > >
>> > > เขาถามตรงไหน เราบอกว่า  “นี่ย  เลี้ยวเข้าไปนี่น่ะ ก่อนถึง
>>สน.ดอนเมืองน่ะ
>> > > รู้จักไหม  สน.ดอน
>> > > เมืองน่ะ”
>> > >
>> > > เขาก็บอก “เขารีบไป ไม่มีเวลาหรอกนี่
>>เดี๋ยวต้องรอปรกันอะไรกว่าจะมาอีก
>> > > เคลียร์ตรงนี้ล่ะ ลงมา
>> > > คุยให้รู้เรื่อง” [พิรุธที่3]
>> > >
>> > > เราบอก เราไม่ลง  นอกจากจะไปคุยที่บ้าน จะให้แฟนมาคุย
>>แฟนอยู่ตรงนี้เนี่ย
>> > > เป็นทหารอยุ่ในนั้น
>> > > (มั่วไปก่อน)
>> > >
>> > > เขาว่า “คุณจะบ้าเหรอ มากลัวอะไรผมผมมาคนเดียวนี่ ผมเจ็บอยู่นี่
>> > > จะไปทำอะไรคุณ ตรงนี้ก้อไม่ได้
>> > > เปลี่ยวขนาดนั้น  โน่นยามก็อยู่โน่น”
>> > >
>> > > เราบอก “เข้าใจหน่อยนะคะ ดิฉันเป็นผู้หญิง ก็ต้องกลัวไว้ก่อน
>>ที่นี่
>> > > ก็เป็นที่ๆดิฉันไม่คุ้นด้วย  บอกตรงๆ
>> > > ไม่ไว้ใจค่ะ”
>> > >
>> > > ก้อบอกเขาให้ตามไปที่บ้าน  อีกนิดเดียวเอง
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > “ผมจะรีบไป  แล้วผมก็จะไปทางรังสิต ไม่ได้ไปทางบ้านคุณ
>>เอางี้ละกัน
>> > > มีเงินไหมละ จ่ายมา 2000
>> > > ละกัน ผมจะเอาไปทำแผลกะซ่อมรถ” [พิรุธที่ 4  ไม่ยอมตามไปที่บ้าน]
>> > >
>> > > เราบอกไม่มีหรอก ถึงมีก็ยังไม่จ่าย  เพราะยังไม่รู้ว่า ผิดตรงไหน
>> > > ขอให้ตามไปที่บ้านให้แฟนมาคุยก่อน
>> > > ถ้าผิดจริงยังไงก็จ่าย ไม่หนีหรอก
>> > >
>> > > “ไรวะเนี่ย ขับรถแพงๆ  เงินแค่นี้ก็ไม่มี” เริ่มรมณ์เสีย ท้าวเอว
>> > >
>> > > เรายืนยัน จะไปที่คุยที่บ้านเท่านั้น  ไม่จ่าย ไม่ลง
>> >
>> >
>> > >
>> > >
>> > > “โห แ-ง เอ้ย
>> > > @#$)_*$^#()@#@)&%$^*@&#_#@#*@++!@*!&&$^#&$#^%#&$)#$^#$^#_$&@#”
>> > > ด่าหยาบคาย แจกของให้เต็มไปหมด
>> > >
>> > > แล้วมันก็สตารท์เครื่องหนีไป  พยายามมองทะเบียนแล้ว
>>แต่มันไม่ติดทะเบียนที่รถ
>> > >
>> > > เราก็ตรงกลับบ้านเลย
>>ไม่กล้าแวะไหน  (จะโทรบอกแฟนยังไม่กล้าแวะเลย)
>> > > เพราะไม่รู้ว่า  มันยังอยู่
>> > > แถวนั้นหรือเปล่า...
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > เลยคิดว่า มันใช้มุกเดิมๆนี้  คงเป็นพวกโจรกะจอก เพราะเหตุแบบนี้
>> > > เคยเกิดมาแล้ว
>> > >
>> > > ถ้าเหยื่อติดต่อใครได้  มันคงจะใช้ช่วงเวลาที่รอคนอื่นมา
>>อ้างอะไร
>> > > (อาจจะอ้างเจ็บแขนหรืออะไรก็ตาม)  แล้วขอเอาเงินไปเท่านั้น
>> > >
>> > > หรือ ถ้าเหยื่อใจร้อน ลงไปดูรถ  จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเผื่อที่นั่น
>> > > (ที่เราคิดว่าปลอดภัยเพราะมีป้อมยาม)
>> > > มีแต่พวกมัน
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > ที่นำมาเตือนอีกครั้ง  เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงเราประมาท
>>ตั้งสติไว้ก่อน
>> > > อย่าผลีผลาม  เพราะบางครั้ง
>> > > เราก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
>> >
>> >
>> > > และเราเห็นความสำคัญของการแชร์ประสบการณ์แบบนี้
>> > > เพราะเราเองก็ตั้งสติเอาตัวรอดมาได้ เพราะ
>> > > การอ่านเมล์ forward  แบบนี้นี่แหละ
>> > >
>> > >
>> > >
>> > > ให้ผู้หญิงทุกคน ตั้งสติ  และคิดให้รอบคอบ
>>และขอขอบคุณทุกคนที่เคยนำมาแชร์ไว้
>> > > ทำให้เรามีสติ
>> > > ปลอดภัยมาได้  ขอบคุณค่ะ

การตายอันน่าพิศวง

 การตายอันน่าพิศวง
 เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง
 คือว่ามีคนไข้ตายบนเตียงเดียวกันซ้ำ ๆ แล้วหลายคน
 ที่น่าแปลกคือทุกศพตายเมื่อห้าโมงเช้าวันอาทิตย์
 โดยหมอเล็กหมอใหญ่ไม่อาจให้คำอธิบายได้
 สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
 บ้างก้อร่ำลือถึงความเฮี้ยนที่หลาย ๆ คนได้ยินมา
 บรรดาคุณหมอจึงตัดสินใจลงไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบหหาสาเหตุการตายในวันอาทิตย์หน้า
 กระทั่งถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ทุกคนรอคอย 2-3
 นาทีก่อนจะห้าโมงเช้าทั้งหมอและพยาบาลต่างรอคอยอย่างลุ้นระทึก
 แอบมองอยู่ข้างนอกห้องว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
 ต่างคนต่างกำหลวงพ่อประจำตัว ไม้กางเขน
 ด้วยความหวาดกลัวและลุ้นว่าจะเห็นวิญญาณเฮี้ยนหรือไม่ 


หัวใจเต้น.....ตึ๊ก
ตึ๊ก
ตึ๊ก






 จนเข็มนาฬิกาเดินมาที่ 11 นาฬิกา บรรยากาศก้อเย็นเฉียบขึ้นโดยฉับพลัน
 ไร้เสียงรบกวนใด ๆ แม้เสียงลมหายใจก้อแทบจะไม่ได้ยิน
 และแล้ว......

 พนักงานทำความสะอาดคนใหม่
 ซึ่งทำงานแค่วันอาทิตย์ก้อเข้ามาในห้องผู้ป่วย
 จากนั้นก้อถอดปลั๊กเครื่องช่วยหายใจออกแล้วเสียบปลั๊กเครื่องดูดฝุ่นแทน
 และทำความสะอาดต่อด้วยความสบายใจ....

 มาจากขายหัวเราะ

เจ็บป่วยฉุกเฉินโทรหมายเลข 1669

เมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน นอกจากช่วยเหลือตนเองแล้ว ขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดระบบช่วยเหลือผู้ประสบภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินดังกล่าวนี้ เพียงกดโทรศัพท์ไปที่
หมายเลข 1669 จะมีคำแนะนำให้และหากจำเป็นจะมีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินไปช่วยเหลือคุณถึงที่เกิดเหตุ (ฟรี) ซึ่งขณะนี้เราจัดได้เกือบทุกที่ทั่วประเทศไทย ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งวันทำการและวันหยุดแล้วครับ
อย่าลืมนะครับ ป่วยฉุกเฉินโทรหมายเลข 1669 นะครับ และได้ผลเป็นอย่างไรกรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ
ส่งต่อไปให้ทราบทั่วๆ กันด้วยครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง
นพ. สุรจิต สุนทรธรรม
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
Many Thanks,

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภาพที่ได้รับเสียงโหวตสูงสุดจากงาน National Geographic Contest 2009 สวยมั๊กๆ.....


ควานช้าง กับ Naszoo  กำลังว่ายน้ำอยู่แถวหมูเกาะอันดามัน  Cesare Naldi




  
พายุและความเงียบสงบใน รัฐ texas   สหรัฐ  Brad Maule



พระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาไฟ Rinjani อินโดเนเซ๊ย  David Bismuth


ปากะรัง เรืองแสง ที่ปาปัวตะวันตก Stephen Martin 


ลิงปาบูน gelada  กำลังหาเห็บอย่างมีความสุข    Robin Moore


อุโมงค์รถไฟใต้ดิน ระหว่างเมือง  Pudong กับ Bund  เซี่ยงไฮ้   Gail von Bergen Ryan



พื้นหินเรียงราย ที่ Death Valley  Tucker Sylvestro


น้ำตก  Iguazu  ในบราซิล  Ian Kelsall



  
ดอกไม้ในมุมหนึ่งของชิคาโก  Richard Susanto



2 
ผู้เฒ่าฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 60  กลางทุ่งหญ้าใน New Sealand



 
เช้าวันฝนตกเหนือ ทะลสาบ St. Mary    Rebecca Latson


เจ้าอุรังอุตังน้อยกำลังโหนห้อย อยู้ใน Tanjung Puting National Park ในอินโดเนเซีย  Sean Crane


แสงดาว กับ แสง Flash    Steve Irvine


ขอบก้อนภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่เนหือชายฝั่ง  แอนตาร์ติก้า  Mike Matas


การต่อสู้ของ ฮิปโป       Steve Mandel  



 "Scar "  
ปลาวาฬเสปิร์มและเพื่อนของเค้า Andrew  ซึ่งได้ช่วยชีวิตเค้าไว้ Peter Allinson



Davazar  
แหล่งแก๊สธรรมชาติใน เติร์กมินิสถาน   Natalja Silver

รูปพัดที่เกิดจากคลื่นกระทบฝั่ง  Aaron Feinberg


เดินท่ามกลางป่าหมอกใน Washington's Olympic National Park


เด็กน้อย Cary  ยืนอยู่กลางถนนในทะเลทรายรัฐ  Ohio


ผึ้งกำลังว่ายน้ำในสระ  Michael Johnson


ส่วนหนึ่งของจระเข้ Kwena Croc Farm  แอฟาริกาใต้   Wayne Holloway


อัศจรรย์ขณะกำลังแสดงการแปรอักษรใน  Arirang Mass Games  เกาหลีเหนือ   Brendyn Zachary


มุมหนึ่งที่คุณจะได้เห็นในจอร์แดน  Andrew Cwiklewich


นกนางนวลในมุมที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น  Richard Rush

 

เขาว่า ถนน สู่สวรรค์

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

yengo ad

BumQ