วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
วันลอยกระทง
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87
วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณี ลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลง ไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาและขอขมาพระแม่คงคาด้วย
วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณี ลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลง ไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาและขอขมาพระแม่คงคาด้วย
ประวัติ
เดิมเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป[ต้องการอ้างอิง] แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่1[แก้] ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น
- ภาคเหนือตอนบน นิยมทำโคมลอย เรียกว่า "ลอยโคม" หรือ "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบัลลูน ประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า ยี่เป็ง หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่(ซึ่งนับวันตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
- จังหวัดเชียงใหม่ มีประเพณี"ยี่เป็ง"เชียงใหม่ ในทุกๆปีจะมีการจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา และมีการปล่อยโคมลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า
- จังหวัดตาก จะลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"
- จังหวัดสุโขทัย ขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง
- ภาคอีสาน ในอดีตมีการเรียกประเพณีลอยกระทงในภาคอีสานว่า สิบสองเพ็ง หมายถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองซึ่งจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป เช่น
- จังหวัดร้อยเอ็ด มีชื่องานประเพณีว่า "สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป" ตามภาษาถิ่นมีความหมายถึงการขอขมาพระแม่คงคา ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง การประกวดประทีปโคมไฟและกระทงอันสวยงาม มีการจำลองแห่หัวเมืองสาเกตุนครทั้ง11 หัวเมือง
- จังหวัดสกลนคร ในอดีตจะมีการลอยกระทงจากกาบกล้วย ลักษณะคล้ายกับการทำปราสาทผึ้งโบราณ เรียกงานนี้ว่าเทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สิบสองเพ็งไทสกล
- จังหวัดนครพนม จะตกแต่งเรือแล้วประดับไฟ เป็นรูปต่างๆ เรียกว่า "ไหลเรือไฟ"โดยเฉพาะที่จังหวัดนครพนมเพราะมีความงดงามและอลังการที่สุดในภาคอีสาน
- ภาคกลาง มีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้นทั่วทุกจังหวัด
- กรุงเทพมหานคร จะมีงานภูเขาทอง เป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว 7-10 วัน ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลังวันลอยกระทง
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการจัดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บริเวณอุทยาน ประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในงานมีการจัดแสดงแสง สี เสียง อย่างงดงามตระการตา
- ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนั้น ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะจัดงานวันลอยกระทงด้วยเช่นกัน
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
งูแมมบ้า Mamba Snake
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Eastern_green_mamba
แปลโดย translate.google.com
คำอธิบาย
ภาคตะวันออก Mamba สีเขียวเป็นสีเขียวมันวาวโดยรวมในสีที่มีน้ำหนักเบาท้องแกมเขียวสีเหลืองสดใส นี้เป็นที่เล็กที่สุด Mamba ชนิด (dendroaspis) โดยเฉลี่ยเพียง 1.4 เมตร (4.6 ฟุต) ความยาว. [2] [3] ขนาดสูงสุดสำหรับสายพันธุ์นี้คือ 2.4 เมตร (7.9 ฟุต) แต่นี้เป็นเรื่องผิดปกติ. [4] [ 5] ชาย mambas ตะวันออกโดยทั่วไปจะมีสีเขียวขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยหญิง. [6] ชนิดที่ปากมีสองเขี้ยวพิษขยายคงที่ด้านหน้าของฟันและปากที่แข็งแกร่งทั้งใน แต่ก็มีเครื่องชั่งได้อย่างราบรื่นมากเป็นบางและสง่างามด้วยหัวที่โดดเด่นมากที่มีความยาวและรูปสี่เหลี่ยมและพวกเขามีหางที่ยาวบาง สายตาของพวกเขาจะเป็นสื่อในขนาดที่มีนักเรียนรอบ ครีบหลังที่มีเครื่องชั่งเฉียงเรียบและแคบ ครีบหลังขนาดปกตินับ 25 -- (21 หรือ 23) --. (15-19) [4] ตะวันออก hatchlings Mamba สีเขียวมีสีเหลืองสีเขียว [2].
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Black_mamba
The black mamba (Dendroaspis polylepis), or common black mamba and black-mouthed mamba,[3] is the longest venomous snake in Africa, averaging around 2.5 meters (8.2 ft) in length, and sometimes growing up to 4.3 meters (14 ft). Its name is derived from the black colouration inside the mouth rather than the actual colour of its scales which varies from dull yellowish-green to a gun-metal grey. It is the fastest snake in the world, capable of moving at 4.32 to 5.4 metres per second (16–20 km/h, 10–12 mph).[1] It's also a very "notorious" snake that's feared throughout the world and it generally has a very bad reputation for being very aggressive, highly venomous, and is often cited as the world's deadliest species by many, both laymen and experts (B. Johnson, July 13, 2000; Hunter, 1998). One expert even calls this species "death incarnate".[4] There are many myths, legends, and stories about this species.[5]
แปลโดย translate.google.com
สีดำ Mamba (Dendroaspis polylepis) หรือสีดำที่พบบ่อย Mamba และสีดำชอบพูด Mamba, [3] เป็นงูพิษที่ยาวที่สุดในแอฟริกาเฉลี่ยประมาณ 2.5 เมตร (8.2 ฟุต) ความยาวและบางครั้งการเติบโตขึ้นถึง 4.3 เมตร (14 ฟุต ) ชื่อของมันคือการที่ได้มาจากการย้อมสีดำที่อยู่ภายในปากมากกว่าสีที่แท้จริงของการชั่งน้ำหนักซึ่งแตกต่างจากที่หมองคล้ำสีเหลืองสีเขียวสีเทาให้เป็นปืนโลหะ มันเป็นงูที่เร็วที่สุดในโลกที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่ 4.32-5.4 เมตรต่อวินาที (16-20 กม. / ชม. , 10-12 mph). [1] นอกจากนี้ยังมีมากงู"ฉาวโฉ่"ที่กลัวทั่วโลกและ นั้นโดยทั่วไปมีชื่อเสียงที่ดีมากสำหรับถูกมากก้าวร้าวมีพิษสูงและมักจะอ้างเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายของโลกโดยหลายฆราวาสและผู้เชี่ยวชาญ (B. Johnson, กรกฎาคม 13, 2000; Hunter, 1998) ผู้เชี่ยวชาญด้านหนึ่งแม้สายนี้สายพันธุ์"จุติลงมาตาย". [4] มีหลายตำนานตำนานและเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดนี้. [5]
Description
The eastern green mamba is overall glossy green in colour with a lighter bright greenish-yellow belly. This is the smallest Mamba (dendroaspis) species, averaging only 1.4 metres (4.6 ft) in length.[2][3] The maximum size for this species is 2.4 metres (7.9 ft), but this is uncommon.[4][5] Male eastern green mambas are generally slightly larger than females.[6] The species has two enlarged venom fangs fixed to the front of the mouth and solid teeth in both jaws. It has very smooth scales, is thin and elegant with a very distinctive head that is long and rectangular and they have a long thin tail. Their eyes are are medium in size with round pupils. Dorsal scales are oblique, smooth and narrow. Dorsal scale count usually 25 - ( 21 or 23 ) - ( 15 to 19 ).[4] Eastern green mamba hatchlings have a yellowish-green color.[2]แปลโดย translate.google.com
คำอธิบาย
ภาคตะวันออก Mamba สีเขียวเป็นสีเขียวมันวาวโดยรวมในสีที่มีน้ำหนักเบาท้องแกมเขียวสีเหลืองสดใส นี้เป็นที่เล็กที่สุด Mamba ชนิด (dendroaspis) โดยเฉลี่ยเพียง 1.4 เมตร (4.6 ฟุต) ความยาว. [2] [3] ขนาดสูงสุดสำหรับสายพันธุ์นี้คือ 2.4 เมตร (7.9 ฟุต) แต่นี้เป็นเรื่องผิดปกติ. [4] [ 5] ชาย mambas ตะวันออกโดยทั่วไปจะมีสีเขียวขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยหญิง. [6] ชนิดที่ปากมีสองเขี้ยวพิษขยายคงที่ด้านหน้าของฟันและปากที่แข็งแกร่งทั้งใน แต่ก็มีเครื่องชั่งได้อย่างราบรื่นมากเป็นบางและสง่างามด้วยหัวที่โดดเด่นมากที่มีความยาวและรูปสี่เหลี่ยมและพวกเขามีหางที่ยาวบาง สายตาของพวกเขาจะเป็นสื่อในขนาดที่มีนักเรียนรอบ ครีบหลังที่มีเครื่องชั่งเฉียงเรียบและแคบ ครีบหลังขนาดปกตินับ 25 -- (21 หรือ 23) --. (15-19) [4] ตะวันออก hatchlings Mamba สีเขียวมีสีเหลืองสีเขียว [2].
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Black_mamba
The black mamba (Dendroaspis polylepis), or common black mamba and black-mouthed mamba,[3] is the longest venomous snake in Africa, averaging around 2.5 meters (8.2 ft) in length, and sometimes growing up to 4.3 meters (14 ft). Its name is derived from the black colouration inside the mouth rather than the actual colour of its scales which varies from dull yellowish-green to a gun-metal grey. It is the fastest snake in the world, capable of moving at 4.32 to 5.4 metres per second (16–20 km/h, 10–12 mph).[1] It's also a very "notorious" snake that's feared throughout the world and it generally has a very bad reputation for being very aggressive, highly venomous, and is often cited as the world's deadliest species by many, both laymen and experts (B. Johnson, July 13, 2000; Hunter, 1998). One expert even calls this species "death incarnate".[4] There are many myths, legends, and stories about this species.[5]
แปลโดย translate.google.com
สีดำ Mamba (Dendroaspis polylepis) หรือสีดำที่พบบ่อย Mamba และสีดำชอบพูด Mamba, [3] เป็นงูพิษที่ยาวที่สุดในแอฟริกาเฉลี่ยประมาณ 2.5 เมตร (8.2 ฟุต) ความยาวและบางครั้งการเติบโตขึ้นถึง 4.3 เมตร (14 ฟุต ) ชื่อของมันคือการที่ได้มาจากการย้อมสีดำที่อยู่ภายในปากมากกว่าสีที่แท้จริงของการชั่งน้ำหนักซึ่งแตกต่างจากที่หมองคล้ำสีเหลืองสีเขียวสีเทาให้เป็นปืนโลหะ มันเป็นงูที่เร็วที่สุดในโลกที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่ 4.32-5.4 เมตรต่อวินาที (16-20 กม. / ชม. , 10-12 mph). [1] นอกจากนี้ยังมีมากงู"ฉาวโฉ่"ที่กลัวทั่วโลกและ นั้นโดยทั่วไปมีชื่อเสียงที่ดีมากสำหรับถูกมากก้าวร้าวมีพิษสูงและมักจะอ้างเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายของโลกโดยหลายฆราวาสและผู้เชี่ยวชาญ (B. Johnson, กรกฎาคม 13, 2000; Hunter, 1998) ผู้เชี่ยวชาญด้านหนึ่งแม้สายนี้สายพันธุ์"จุติลงมาตาย". [4] มีหลายตำนานตำนานและเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดนี้. [5]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)