ลองทำดูนะ
1 ขอเปิดบริการ GPRS แบบเหมาจ่ายกับทาง *1800 ก่อน 999บาท/เดือน ไม่รวมแวต เพราะถ้า kb ละ 0.10 บาท ตายแน่ เล่นทีเป็น MB จ้าาาาา
2 ลง driver bluetooth ให้เรียบร้อย แล้วเปิดบลูทูธ ที่6600ทิ้งไว้
3 คลิกเม้าส์ขวาที่รูป bluetooth ด้านล่างขวาจอ เลือก quick connect
ต่อด้วยเลือก dial-up networking ต่อด้วยเลือก ชื่อเครื่อง6600ที่จะต่อ
4 6600จะถามว่ายอมรับการต่อหรือไม่ เลือกยอมรับ
5 ที่เครื่องคอมจะให้จับคู่การใช้งาน ใ้ห้คลิกที่รูปบลูทูธด้านล่างขวาจอ(จะมีข้อความขึ้นว่าให้เชื่อมต่อนะ)
6 คอมจะให้ใส่รหัสที่คอมใส่เลข 1 แล้วคลิกที่ initial pairing (ด้านข้างขวา)
7 ที่เครื่องจะให้ใส่รหัส(ซึ่งต้องตรงกับที่ใส่ในคอมเมื่อกี้)ใส่เลข 1
แล้วกดตกลง
8 จอคอมจะขึ้นconnection ช่องอื่นไม่ต้องสนใจให้กรอกเฉพาะช่องdial ด้านล่างว่า *99***1# แล้ว connect เลย คิดว่าน่าจะได้นะ ลองดูก็แล้วกันจ้าาาา
อ้อ ถ้าเป็นมือถือโนเกียใช้ *99***1#
มือถืออื่นใช้ *99***2#
Error 734 : The PPP link control protocol was terminated
ลองไปเช็คค่า หัวข้อ Advanceed แล้วใส่ค่า ให้ถูกต้องat+cgdcont=1,"ip","www.dtac.co.th "
เช็คค่าเบอร์ที่ dile ว่าเบอร์ถูกต้องหรือเปล่า ...*99***1#
ถ้าไม่ได้..โทรหา call center dtac ดิ แก้ปัญหาให้ได้แน่นอน....
วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
เตือนภัยใกล้ตัว....อันตรายมากค่ะ-แถวเมืองทอง
โปรดอ่านจนจบ!!! เตือนภัยหญิงสาวเดินคนเดียว
....เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวาน (11/04/10) หยุดไม่ได้ทำงาน ก็นอนตื่นสาย(ตามปกติ) ประมาณช่วง 10 โมง พี่สาวเข้ามาปลุก แล้วบอกให้ไปส่งปากซอยหน่อย
จะไปสวนจตุจักร ก็ตื่นมาล้างหน้า แล้วก็ขับมอไซต์ไปส่ง หลังจากนั้นก็อยู่บ้านทั้งวัน
....ประมาณ 6 โมงเย็น - 1ทุ่ม พี่สาวเค้าก็กลับมา พอกลับมาก็เดินมาหาแล้วก็ถามว่า "มีเพื่อนกลับบ้านแล้วออกจากเมืองทองฝั่งนี้บ้างมั้ย" ก็เลยถามกลับไปว่า "ถามไมอ่ะ" พี่เค้าก็เลยบอกว่า มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง...
....ตอนเช้าที่พี่สาวเค้ารอรถเมล์อยู่ พอดีมีรถเมล์สาย 357 นนทบุรี-รังสิต มา (ลักษณะรถเป็นรถคันเล็กรุ่นเดียวกับรถเมืองทอง-ลาดหลุมแก้ว) เลยตัดสินใจขึ้นคันนี้ แล้วเดี๋ยวไปต่อรถที่ปากเกร็ด ระหว่างที่รถติดไฟแดงแยกเมืองทองอยู่ (รถจอดอยู่หน้าศูนย์โตโยต้า) อยู่ ๆ กระเป๋ารถเมล์ก็ตะโกนเสียงดัง "เฮ้ย!!"
ด้วยความที่รถสาย 357 เป็นรถแอร์คันเล็ก ทุกคนบนรถต่างตกใจและหันไปมองทางด้านหน้ารถ(กระเป๋ารถเมล์อยู่หน้ารถ) สิ่งที่เห็นคือ รถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำวิ่งอยู่ไกลๆ หลังจากที่กระเป๋าตะโกนแล้ว ก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเบาะแรกว่า "พี่เห็นเหมือนกันใช่มั้ย" คำตอบที่ได้คือ "ใช่" แล้วเค้าก็คุยกัน ซึ่งทำให้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
....ระหว่างที่รถติดแยกไฟแดงเมืองทอง ซึ่งมีการปล่อยไฟเขียวรถในเมืองทองที่เลี้ยวขวาไปแยกสวนสมเด็จ ระหว่างนั้น มีรถตู้คันหนึ่งสีขาวติดฟิล์มสีดำสนิท
ขับออกจากเมืองทอง เลี้ยวซ้ายไปทางปากเกร็ด ซึ่งตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนนแถวที่ดินที่มีการถมตรงปากซอยเมืองทอง(คาดว่าน่าจะลงรถที่ป้าย
รถเมล์หรือเพิ่งออกจากเมืองทองแล้วกำลังเดินไปเข้าซอยข้างหน้า ข้างๆ ที่ดินที่ถมอยู่) พอรถตู้วิ่งไปกำลังจะผ่านผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆ ก็มีของแท่งยาวๆ
(ไม่รู้ว่าเป็นแป๊บเหล็กหรือท่อนหรือไม้) ยื่นออกมาจากตัวรถและฟาดเข้าที่ผู้หญิงคนนั้น ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะล้มหน้าทิ่มลงไปก็ถูกดึงขึ้นรถตู้ไปก่อน จึงเป็นสาเหตุให้กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ และก็ทำให้ทุกคนในรถได้เห็นรถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำสนิทขับมุ่งตรงไปข้างหน้า พอรถเมล์ขับผ่านจุดที่เกิดเหตุ สิ่งที่เหลืออยู่คือ รองเท้าข้างหนึ่งของผู้หญิงคนนั้น....
....พอได้ฟังที่พี่เล่าแล้วก็ถึงกับอึ้ง!! เลยถามพี่เค้าไปว่าไม่มีใครแจ้งตำรวจเลยหรอ พี่เค้าก็เลยบอกว่าก็มีคนจะแจ้งตำรวจเหมือนกัน แต่ที่ทุกคนรู้มีแค่อย่างเดียวคือ "รถตู้สีขาวติดฟิล์มสีดำ" ป้ายทะเบียนก็มองไม่ทัน เพราะรถอยู่ไกลและวิ่งเร็วมาก ส่วนรถจะขับไปทางไหน ก็ไม่มีใครรู้ เพราะสามารถเลี้ยวซ้ายตรง
ถนนตัดใหม่ทะลุไปถนนแจ้งวัฒนะหรือตรงไปทางแยกปากเกร็ด(ซึ่งสามารถลอดอุโมงค์ทะลุแยกไปได้) แล้วระหว่างทางก็สามารถทะลุซอยต่างๆ เพื่อออกไปซอ ยอื่นหรือถนนแส้นอื่นได้อีก สิ่งที่ทุกคนทำได้ก็แค่เพียงภาวนาขอให้รถมันเสีย ยางแตก หรือไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ (ระหว่างที่รถยังอยู่บนถนนไม่ใช่ในซอยเปลี่ยว) หรือขอให้รถตู้เจอด่านตรวจ ตำรวจหรือใครก็ได้ผิดสังเกตุจนช่วยผู้หญิงคนนั้นได้...เพราทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเจออะไร หรือไม่ก็ขอให้ผู้หญิง
คนนั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิต!!!
....พี่เค้าก็เลยบอกว่า ให้ช่วยมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง แล้วก็ให้เตือนทุกคนด้วยว่าอย่าเดินริมถนนคนเดียว ถ้าจำเป็นต้องเดินอย่าเดินติดริมถนน ให้เดิน
ชิดริมกำแพง รั้วบ้าน หรือถ้าเป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนหรือรถผ่านทางที่ดีก็ขึ้นรถไปดีกว่า หรือถ้ายืนป้ายรถเมล์ก็ให้ยืนเข้ามาลึกๆ อย่ายืนติดถนน (ถ้าเป็นป้ายหน้าเมืองทองฝั่งติวานนท์ ถ้าอยู่คนเดียวให้ยืนแถวใกล้ๆ ทางแลี้ยว ตรงวินมอไซต์รับจ้าง) ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน!!!...
รบกวน เพื่อน พี่ น้อง ช่วยกันเล่า เตือนคนที่รู้จัก หรือส่ง Work ให้คนที่รู้จักได้ระวังตัวกัน...เพราะเดี๋ยวนี้อันตราย อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ
....เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวาน (11/04/10) หยุดไม่ได้ทำงาน ก็นอนตื่นสาย(ตามปกติ) ประมาณช่วง 10 โมง พี่สาวเข้ามาปลุก แล้วบอกให้ไปส่งปากซอยหน่อย
จะไปสวนจตุจักร ก็ตื่นมาล้างหน้า แล้วก็ขับมอไซต์ไปส่ง หลังจากนั้นก็อยู่บ้านทั้งวัน
....ประมาณ 6 โมงเย็น - 1ทุ่ม พี่สาวเค้าก็กลับมา พอกลับมาก็เดินมาหาแล้วก็ถามว่า "มีเพื่อนกลับบ้านแล้วออกจากเมืองทองฝั่งนี้บ้างมั้ย" ก็เลยถามกลับไปว่า "ถามไมอ่ะ" พี่เค้าก็เลยบอกว่า มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง...
....ตอนเช้าที่พี่สาวเค้ารอรถเมล์อยู่ พอดีมีรถเมล์สาย 357 นนทบุรี-รังสิต มา (ลักษณะรถเป็นรถคันเล็กรุ่นเดียวกับรถเมืองทอง-ลาดหลุมแก้ว) เลยตัดสินใจขึ้นคันนี้ แล้วเดี๋ยวไปต่อรถที่ปากเกร็ด ระหว่างที่รถติดไฟแดงแยกเมืองทองอยู่ (รถจอดอยู่หน้าศูนย์โตโยต้า) อยู่ ๆ กระเป๋ารถเมล์ก็ตะโกนเสียงดัง "เฮ้ย!!"
ด้วยความที่รถสาย 357 เป็นรถแอร์คันเล็ก ทุกคนบนรถต่างตกใจและหันไปมองทางด้านหน้ารถ(กระเป๋ารถเมล์อยู่หน้ารถ) สิ่งที่เห็นคือ รถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำวิ่งอยู่ไกลๆ หลังจากที่กระเป๋าตะโกนแล้ว ก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเบาะแรกว่า "พี่เห็นเหมือนกันใช่มั้ย" คำตอบที่ได้คือ "ใช่" แล้วเค้าก็คุยกัน ซึ่งทำให้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
....ระหว่างที่รถติดแยกไฟแดงเมืองทอง ซึ่งมีการปล่อยไฟเขียวรถในเมืองทองที่เลี้ยวขวาไปแยกสวนสมเด็จ ระหว่างนั้น มีรถตู้คันหนึ่งสีขาวติดฟิล์มสีดำสนิท
ขับออกจากเมืองทอง เลี้ยวซ้ายไปทางปากเกร็ด ซึ่งตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนนแถวที่ดินที่มีการถมตรงปากซอยเมืองทอง(คาดว่าน่าจะลงรถที่ป้าย
รถเมล์หรือเพิ่งออกจากเมืองทองแล้วกำลังเดินไปเข้าซอยข้างหน้า ข้างๆ ที่ดินที่ถมอยู่) พอรถตู้วิ่งไปกำลังจะผ่านผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆ ก็มีของแท่งยาวๆ
(ไม่รู้ว่าเป็นแป๊บเหล็กหรือท่อนหรือไม้) ยื่นออกมาจากตัวรถและฟาดเข้าที่ผู้หญิงคนนั้น ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะล้มหน้าทิ่มลงไปก็ถูกดึงขึ้นรถตู้ไปก่อน จึงเป็นสาเหตุให้กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ และก็ทำให้ทุกคนในรถได้เห็นรถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำสนิทขับมุ่งตรงไปข้างหน้า พอรถเมล์ขับผ่านจุดที่เกิดเหตุ สิ่งที่เหลืออยู่คือ รองเท้าข้างหนึ่งของผู้หญิงคนนั้น....
....พอได้ฟังที่พี่เล่าแล้วก็ถึงกับอึ้ง!! เลยถามพี่เค้าไปว่าไม่มีใครแจ้งตำรวจเลยหรอ พี่เค้าก็เลยบอกว่าก็มีคนจะแจ้งตำรวจเหมือนกัน แต่ที่ทุกคนรู้มีแค่อย่างเดียวคือ "รถตู้สีขาวติดฟิล์มสีดำ" ป้ายทะเบียนก็มองไม่ทัน เพราะรถอยู่ไกลและวิ่งเร็วมาก ส่วนรถจะขับไปทางไหน ก็ไม่มีใครรู้ เพราะสามารถเลี้ยวซ้ายตรง
ถนนตัดใหม่ทะลุไปถนนแจ้งวัฒนะหรือตรงไปทางแยกปากเกร็ด(ซึ่งสามารถลอดอุโมงค์ทะลุแยกไปได้) แล้วระหว่างทางก็สามารถทะลุซอยต่างๆ เพื่อออกไปซอ ยอื่นหรือถนนแส้นอื่นได้อีก สิ่งที่ทุกคนทำได้ก็แค่เพียงภาวนาขอให้รถมันเสีย ยางแตก หรือไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ (ระหว่างที่รถยังอยู่บนถนนไม่ใช่ในซอยเปลี่ยว) หรือขอให้รถตู้เจอด่านตรวจ ตำรวจหรือใครก็ได้ผิดสังเกตุจนช่วยผู้หญิงคนนั้นได้...เพราทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเจออะไร หรือไม่ก็ขอให้ผู้หญิง
คนนั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิต!!!
....พี่เค้าก็เลยบอกว่า ให้ช่วยมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง แล้วก็ให้เตือนทุกคนด้วยว่าอย่าเดินริมถนนคนเดียว ถ้าจำเป็นต้องเดินอย่าเดินติดริมถนน ให้เดิน
ชิดริมกำแพง รั้วบ้าน หรือถ้าเป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนหรือรถผ่านทางที่ดีก็ขึ้นรถไปดีกว่า หรือถ้ายืนป้ายรถเมล์ก็ให้ยืนเข้ามาลึกๆ อย่ายืนติดถนน (ถ้าเป็นป้ายหน้าเมืองทองฝั่งติวานนท์ ถ้าอยู่คนเดียวให้ยืนแถวใกล้ๆ ทางแลี้ยว ตรงวินมอไซต์รับจ้าง) ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน!!!...
รบกวน เพื่อน พี่ น้อง ช่วยกันเล่า เตือนคนที่รู้จัก หรือส่ง Work ให้คนที่รู้จักได้ระวังตัวกัน...เพราะเดี๋ยวนี้อันตราย อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ
ปล่อย...เพื่อทำบาปเพิ่มให้กับตัวเอง ชอบทำกันจัง
น่าคิดนะ
1 ชีวิต ก็มีค่า ทุกชีวิตมีความสำคัญ เรามาร่วมกันเผยแพร่และช่วยทำความเข้าใจในการทำบุญที่เราไม่เข้าใจถึงผลที่ เราจะได้รับ เพราะบุญที่เรากำลังจะทำนั้นมันเป็นชีวิตของผู้อื่นที่จะได้รับความ ทุกขเวทนา เพื่อแลกกับความสุขใขของเราเอง
Top 5 ของสัตว์ที่นิยมปล่อย อันดับที่ 1 ปลาไหล อันดับที่ 2 หอยขม อันดับที่ 3 นก อันดับที่ 4 เต่า อันดับที่ 5 ปลาหมอ บางเสี้ยวส่วนขอ งความจริงที่ รายการ ' จุดเปลี่ยน ' พบและเป็นความจริง- ปลา ไหลขนาดเล็กตัวเป็นๆ นับพับกิโลกรัมต่อวัน ถูกเบียดอัดมาในกระสอบปุ๋ยเดินทางจากเขมรสู่ประเทศไทยหลายต่อหลายทอด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีชีวิตไปจนถึงมือคนใจบุญ - ปลาไหลที่ปล่อยลงในน้ำลึกไหลเชี่ยว ไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ เพราะธรรมชาติของปลาไหลต้องอยู่ในน้ำแฉะมีดินโคลนให้มุดเพื่อหลบพัก - หอยขมที่อยู่ในดินโคลนตามธรรมชาติ เมื่อถูกเทลงสู่ก้นแม่น้ำลึกอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา หอยก็จมน้ำตายได้เหมือนกัน - นก กระติ๊ดจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า เพราะคนจับมาเบียดเสียดในกรงแคบ บางตัวแข้งขาหักตายคากรง ส่วนที่เหลือซึ่งบินจากไปก็บอบช้ำเกินกว่าจะรอดชีวิต และบ้างก็ไม่มีแหล่งหากินในเมือง - เต่า เป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเ มื่อถูกปล่อยลงน้ำที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเกาะ เต่าก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาดใจตายเพราะเหนื่อยและหมดแรง - เต่า เป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก แต่ถ้ าเต่าถูกปล่อยในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ เต่าจะตายอย่างทรมานเพราะอาการเจ็บป่วยที่กระดองเน่าเปื่อย และจมน้ำตาย กลายเป็นสัตว์ที่น่าสงสารที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ทำไมการปล่อยสัตว์ในยุคสมัยนี้จึงมีบาปมากกว่าบุญ 1. เพราะปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง ทั้งสภาพความเป็นอยู่และศัตรูธรรมชาติ ทำให้สัตว์ที่ป ล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต 2. เพราะส่งเสริมให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่างปกติสุขมากักขังหน่วงเหนี่ยว ทรมาน 3. ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การจับ กักขัง ขน ส่ง และรอจำหน่าย มีสัตว์จำนวนมากต้องตายอย่างทรมานก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ สิ่งมีชีวิตแม้จะเล็กเท่าผุ่นละออง แต่นั่น มันก็เท่ากับ 1 ชีวิต...
ช่วยกัน FW เพื่อ ให้ทุกคนได้รู้ว่าคุณทำบาปกันอยู่ ไม่ได้ทำบุญ ผลบาปที่ทำกับสัตว์เหล่านี้จะย้อนมาสนอง ถ้าดูรายการกรรมลิขิต จะรู้ว่าคนที่ทำบาปกับสัตว์รับผลกรรมแบบไหน คิดได้แล้วหยุดส่งเสริมการทำบาปกับเถอะ วิธีทำบุญมีเยอะไป ต่อไปจะเริ่มสร้างกระแสปลูกต้นไม้ทำบุญกันดีกว่า เพราะสร้างที่อยู่ในสัตว์ได้อาศัย สร้างอากาศให้คนได้หายใจ เป็นการทำบุญแบบต่อชีวิต แถมสิ่งแวดล้อมดีอีกต่างหาก
ปล่อยออกจากปากของเราเองน่าจะง่ายที่สุด
กฎหมายทางโลก คุ้มครองสัตว์บางจำพวกเท่านั้นส่วนกฎแห่งกรรมทางธรรม คุ้มครองสัตว์ทุกจำพวก
ดูไว้เป็นอุทาหรณ์......facebook (Facebook affected)
ฮอดสูผู่สูค่นเด้อขับจงจื๋อเอ๋าไว่หว่า อย่าให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณมากนักบน Facebook และที่ Online อื่นๆ เอาล่ะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศสเปน มีผู้หญิงคนหนึ่งได้โพสรูปของเธอ ซึ่งเป็นรูปที่เธอดูดีบน Facebook แน่นอนว่ามีคนขอเธอเป็นเพื่อนมากมาย และเธอก็รับทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายที่เริ่มขอเจอเธอ และคาดว่าอยากมี se x กับเธอ เธอปฏิเสธเขาแต่เนื่องจากเธอใส่ที่อยู่ , เบอร์โทรศัพท์ และรายละเอียดอื่นๆ เขาไปหาเธอตามที่อยู่นั้นและ 4 รูปสุดท้าย คือ สิ่งที่เกิดขึ้น
ดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารช่วยลดอาการหัวใจวาย
ผู้หญิงที่สวยที่สุด Mail ดีๆ สำหรับคนรักแม่
"แม่" คำเดียวสั้นๆ แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ๋เหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้
เนื่องในวันแม่...
...คุณรักแม่มากขึ้นหรือยัง
...คุณทำความดีเพื่อคนที่คุณรักหรือยังละ
ทำเหอะ ก่อนที่จะไม่มีแม่ให้กอด หรือให้กราบ
เนอะ
รักแม่จังเลย
รักแม่ตราบชีพนี้จะหาไม่
รักในคุณความดีแม้เพียงให้เราได้เกิดมา...
บุญคุณนี้ก็ทดแทนไม่หมดสิ้นแล้ว
แม่จ๋า...แม่ครับ...
รักแม่ที่สุดเลย...
เนื่องในวันแม่...
...คุณรักแม่มากขึ้นหรือยัง
...คุณทำความดีเพื่อคนที่คุณรักหรือยังละ
ทำเหอะ ก่อนที่จะไม่มีแม่ให้กอด หรือให้กราบ
เนอะ
รักแม่จังเลย
รักแม่ตราบชีพนี้จะหาไม่
รักในคุณความดีแม้เพียงให้เราได้เกิดมา...
บุญคุณนี้ก็ทดแทนไม่หมดสิ้นแล้ว
แม่จ๋า...แม่ครับ...
รักแม่ที่สุดเลย...
วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553
ทุกคนที่ขับรถ
วันที่ 14 สิงหาคม เวลาประมาณ 11.00 น. เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ ในชีวิตนี้
ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจาก ถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด
ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม.ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้ง คราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีกก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน
เพื่อนแนะให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้
ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย
ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว และคิดว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดใดเลยจะขอทำบุญบวชอีกครั้งในชีวิต
( บวชพราหมณ์หรือพระภายใน 2 ปีนี้ ) และจะเริ่มลดละบาปกรรม
เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรวม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โดยการดับเครื่อง
คราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม.. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้
เหมือนรอดตายพ้นนรก ผมรีบโทรบอกที่บ้านเพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทรสั่งเสียหรือสั่งลา
ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ ด่านเก็บเงินใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น
พี่สุทธิครับ
ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถ
สิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็น เกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจงดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้
การปิดสวิทช์กูญแจงรถยนต์ดับเครื่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์และระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจาก ถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด
ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม.ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้ง คราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีกก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน
เพื่อนแนะให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้
ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย
ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว และคิดว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดใดเลยจะขอทำบุญบวชอีกครั้งในชีวิต
( บวชพราหมณ์หรือพระภายใน 2 ปีนี้ ) และจะเริ่มลดละบาปกรรม
เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรวม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โดยการดับเครื่อง
คราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม.. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้
เหมือนรอดตายพ้นนรก ผมรีบโทรบอกที่บ้านเพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทรสั่งเสียหรือสั่งลา
ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ ด่านเก็บเงินใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น
พี่สุทธิครับ
ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถ
สิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็น เกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจงดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้
อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ทันทีที่คุณขึ้นรถ! (ฉบับแปลแล้วนะ)
|
แข็งแรงสุขภาพดีแค่ไหน วินิจฉัยได้จาก 'มือ'
ผลวิจัยใหม่ระบุ มือและเล็บ เป็นแหล่งรายละเอียดสำคัญของสุขภาพของคนเรา รวมถึงเบาะแสของโรคร้ายที่ซ่อนเร้น เช่น มะเร็งหญิงชราวัย 74 ปีที่ดูภายนอกสุขภาพดีสมวัย ต้องไปพบแพทย์หลังมีตุ่มแข็งขึ้นบนฝ่ามือ ตุ่มเหล่านั้นโตขึ้นและลามมาบรรจบกัน ทำให้มือแข็งเหมือนไม้กระดาน ขยับเขยื้ลำบากและปวดแพทย์ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ภายหลังตัดสินใจตรวจหามะเร็งรังไข่กับหญิงชรา หลังอ่านตำราแพทย์และพบว่าตุ่มแข็งดังกล่าว ( Palmar fasciitis) เป็นสัญญาณบ่งชี้โรคมะเร็งรังไข่ แม้ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเนื้อร้ายจึงมาสำแดงอาการถึงบนฝ่ามือ แต่ทฤษฎีหนึ่งที่ฟังดูมีเหตุผลก็คือ เซลล์มะเร็งผลิตสารเคมีที่เป็นตัวการของพังผืดดร.เกรแฮม อีสตัน แพทย์ประจำบ้านในลอนดอนและผู้จัดทำรายงาน ยืนยันว่ามือสามารถให้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพ" ผมพยายามจับมือกับคนไข้เมื่อพบกันครั้งแรก ไม่ใช่เพื่อมารยาท แต่มืออัดแน่นด้วยข้อมูลสุขภาพทั่วไป ตั้งแต่ไทรอยด์ไปจนถึงโรคข้อกระดูกอักเสบ จริงๆ แล้วหมอวิเคราะห์โรคคนไข้ได้จากมือมากกว่าจากใบหน้าเสียอีก"------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++ต่อไปนี้คือสัญญาณบนมือที่สื่อถึงปัญหาสุขภาพบางส่วน++
ฝ่ามือแดง ส่อเค้า: ตับแข็งมือบ่งบอกข้อมูลมากมายของสภาพตับ หนึ่งในสัญญาณสุดคลาสสิกของโรคตับแข็งคือ ฝ่ามือแดง
ตับแข็งหมายถึงอาการที่เนื้อเยื่อตับเต็มไปด้วยริ้วรอยแผล และแม้ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับการดื่มหนัก แต่เป็นไปได้ที่โรคนี้เกิดจากอาการอื่นๆ ที่จู่โจมอย่างเงียบเชียบ เช่น โรคตับอักเสบซีอาการฝ่ามือแดง ( Palmar erythema) มักเกิดขึ้นบริเวณขอบนอกของฝ่ามือใกล้นิ้วก้อย สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่หลอดเลือดในผิวหนังโป่งพอง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสมดุลของฮอร์โมนที่เกิดจากโรคตับ
ข้อนิ้วอ้วน ส่อเค้า: คลอเรสเตอรอลสูงก้อนไขมันที่เอ็น ( Tendon xanthoma) เป็นหนึ่งในสัญญาณของอาการอ้วนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตที่เรียกว่า ภาวะที่เลือดมีคลอเรสเตอรอลมาก หรือ hypercholesterolemiaเมื่อกำมือแน่นๆ จะเห็นเป็นก้อนบวมแข็งสีออกเหลืองๆ ที่ข้อนิ้ว เอลเลน เมสัน พยาบาลแผนกโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของมูลนิธิหัวใจอังกฤษ อธิบายว่าไขมันที่สะสมอยู่ในเอ็นมาเป็นปีจะกลายเป็นพังผืดและแข็งคนที่เป็นโรคนี้จะมีระดับคลอเรสเตอรอล สูงมากตั้งแต่เกิดแต่ไม่แสดงอาการชัดเจน และหากไม่ใช้ยาบำบัด อาจเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายตั้งแต่เด็ก
เล็บรูปช้อน ส่อเค้า: โลหิตจางคนส่วนใหญ่เล็บจะมีลักษณะนูนขึ้นเหมือนพื้นผิวลูกบอล แต่ถ้าเล็บใครตรงกลางบุ๋ม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการขาดธาตุเหล็กเล็บรูปช้อน หรือ Koilonychias เป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่แพทย์ค้นหาระหว่างวินิจฉัยว่าผู้ป่วยที่อ่อนเพลียและเซื่องซึมมีสาเหตุมาจากภาวะโลหิตจางหรือไม่ เชื่อกันว่าการขาดธาตุเหล็กทำให้เล็บอ่อนและแบนกระทั่งยุบลงในที่สุด
ปลายนิ้วบวม ส่อเค้า: มะเร็งปอดหากปลายนิ้วของคุณบวม อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคร้ายแรง อย่างเช่น มะเร็งปอด วัณโรค หรือ Mesothelioma ซึ่งเป็นโรคปอดร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหินแม้ลักษณะแบบนี้เคยได้รับการระบุครั้งแรกโดยฮิปโปกราเตส บิดาแห่งแพทย์ศาสตร์ชาวกรีกเมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว แต่เพิ่งจะเมื่อเร็วๆ นี้เองที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยลีดส์ของอังกฤษ ค้นพบสาเหตุว่า คือ การสะสมของสาร PGE2 ที่ช่วยทำให้อาการอักเสบในปอดบรรเทาลง โดยเชื่อว่าเนื้องอกในปอดอาจกระตุ้นให้! ร่างกายผลิตสารชนิดนี้ออกมามากเกินความต้องการถึงสิบเท่า จึงไปสะสมที่ปลายนิ้วและทำให้บวม
เล็บเขียว ส่อเค้า: หัวใจล้มเหลวหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดที่แพทย์จะตรวจสอบว่ามีออกซิเจนไหลเวียนในเลือดมากน้อยแค่ไหนคือ ดูจากเล็บ ริมฝีปาก หรือนิ้วเท้า ถ้าบริเวณเหล่านั้นเป็นสีชมพูหมายความว่ามีการไหลเวียนของออกซิเจนดี แต่ถ้าเขียวแปลว่าในร่างกายมีออกซิเจนต่ำ เนื่องจากเลือดไม่สามารถสูบฉีดไปทั่วร่างกายอย่างเหมาะสมอาการที่ผิวหนังมีสีเขียว ( cyanosis) อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจล้มเหลว เลือดที่มีออกซิเจนต่ำไม่ได้เป็นสีเขียวจริงๆ เพียงแต่ดูสดน้อยกว่าเลือดที่มีออกซิเจนหล่อเลี้ยงสมบูรณ์ เมื่อมองผ่านเล็บ ผู้หญิงที่เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดมักถูกขอให้ล้างเล็บ เพื่อที่ว่าศัลยแพทย์จะสามารถตรวจสอบสถานะออกซิเจนได้เร็วขึ้นระหว่างการผ่าตัด
เล็บลูกปัด ส่อเค้า: โรคไขข้ออักเสบหากเล็บของคุณมีจุดเล็กๆเหมือนลูกปัด หรือเหมือนถูกน้ำตาเทียนหยดใส่ อาจเป็นสัญญาณของโรคไขข้ออักเสบ แม้ข้อต่อยังไม่บวมหรือปวดก็ตาม ยิ่งเล็บมือหรือเล็บเท้า ' ประดับลูกปัด ' มากแค่ไหน ยิ่งหมายความถึงระดับความรุนแรงของโรค เชื่อว่าสาเหตุมาจากการอักเสบของหลอดเลือดใต้แผ่นเล็บเพราะโรคไขข้ออักเสบ
ตุ่มที่ข้อนิ้ว ส่อเค้า: โรคข้อกระดูกอักเสบบริเวณสะโพกตุ่มขนาดเท่าเมล็ดถั่วที่กระดูกที่ทำให้เจ็บเมื่อจับแถวข้อนิ้ว อาจเป็นสัญญาณของโรคข้อกระดูกอักเสบในบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก หรือหัวเข่า มีการบันทึกเกี่ยวกับตุ่มเหล่านี้ ( Heberden's nodes)โดยวิลเลียม เฮเบอร์ดีน แพทย์อังกฤษผู้โด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 18 หนึ่งในงานศึกษาในทศวรรษ 1970 แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วย 29 คนที่ก่อนหน้านั้น ตรวจไม่พบอาการข้อต่ออักเสบบริเวณสะโพก มี 18 คนที่มีตุ่ม Heber den’s nodes ที่ข้อต่อนิ้ว
เล็บสองสี ส่อเค้า: โรคไตเล็บที่ขาวซีดบริเวณครึ่งล่างด้านที่อยู่ใกล้ผิวหนัง แต่ครึ่งบนออกสีน้ำตาล อาจบ่งชี้แนวโน้มไตวาย
บ่อยครั้งอาการที่เล็บสองสีเกิดขึ้นก่อนที่อวัยวะของผู้ป่วยจะเริ่มหยุดทำงาน ทำให้แพทย์ได้เบาะแสว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา สาเหตุนั้นเชื่อว่ามาจากการสะสมของยูเรีย หรือของเสียที่ออกมาจากไตที่ตกผลึกอยู่ใต้ผิวหนังและเล็บ
ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ส่อเค้า: ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปโรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปเป็นอาการที่เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ไทรอยด์เป็นต่อมที่อยู่ใต้ลูกกระเดือก มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมกระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายดร.ซูซาน คลาร์ก แพทย์ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลคิงส์ คอลเลจในลอนดอน อธิบายว่าภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานหนักเกินไป ทำให้ร่างกายนำแคลอรี่ไปใช้มากขึ้น และทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น ความรู้สึกร้อนและอาการเหงื่อออกมากจึงเป็นอาการบ่งชี้โรคนี้
มือโต ส่อเค้า: เนื้องอกที่ต่อมใต้สมองถ้ามือของคุณบวมและใหญ่ขึ้น หมายความว่าคุณอาจมีอาการที่เรียกว่า มือเท้าโตผิดปกติ ( acromegaly) เท้า ริมฝีปาก หู ยังอาจได้รับผลกระทบจากต่อมใต้สมองที่ผลิตฮอร์โมนสร้างการเติบโต เนื่องจากมีการสร้างเนื้องอกที่ไม่ทำให้เกิดมะเร็งที่ไปก่อกวนการผลิตฮอร์โมนอาการนี้มักเกิดกับคนวัยกลางคน นอกจากจะรักษาด้วยการผ่าตัดหรือยาเพื่อให้เนื้องอกฝ่อลง แต่บางครั้งอาการนี้อาจเป็นอันตรายร้ายแรง
แบบสอบถาม ประเมินความเครียด จากกระทรวงสาธารณสุข
อ้างถึง http://watpon.com/test/serioustest.htm
ของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ออกจากบ้านอย่าลืมของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
***********************************************
1.เครื่องประดับที่สวยที่สุด คือ..รอยยิ้ม
2.งานที่ทำแล้วพอใจ คือ..การช่วยเหลือผู้อื่น
3.ความสุขที่สุด คือ..การให้ 4.อาวุธที่ต้องรักษา คือ..คำพูดทำร้ายผู้อื่น
5.พลังที่ทำทุกอย่างสำเร็จ คือ..ความรัก
6.ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ คือทำร้ายตัวตัวเอง
7.ปัญหาที่ต้องเอาชนะ คือ..ความกลัว
8.ยานอนหลับดีที่สุด คือ..ความสงบในใจ
***********************************************
***********************************************
1.เครื่องประดับที่สวยที่สุด คือ..รอยยิ้ม
2.งานที่ทำแล้วพอใจ คือ..การช่วยเหลือผู้อื่น
3.ความสุขที่สุด คือ..การให้ 4.อาวุธที่ต้องรักษา คือ..คำพูดทำร้ายผู้อื่น
5.พลังที่ทำทุกอย่างสำเร็จ คือ..ความรัก
6.ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ คือทำร้ายตัวตัวเอง
7.ปัญหาที่ต้องเอาชนะ คือ..ความกลัว
8.ยานอนหลับดีที่สุด คือ..ความสงบในใจ
***********************************************
หนังสือ Maxed Out ไวรัสการเงิน
หนังสือ Maxed Out ไวรัสการเงินของอเมริกากำลัง"ระบาดทั่วโลกแล้ว
"Maxed Out"คือ หนังสือขายดีของ James d.scurlock ผมเคยอ่านนานแล้ว เกี่ยวกับ "ความร้ายกาจของธุรกิจการเงินที่มีต่อสังคม" จะว่าไปแล้วผมก็ทำงานธนาคาร..เอ๊กๆ!!(แต่ไม่เกี่ยว ผมไม่ใช่เจ้าของ จึงพูดได้ หุ หุ...) ..เรื่องมีอยู่ว่า ธุรกิจการเงินแท้จริงแล้วสามารถสร้างและทำลายคนได้ เนื่องจากปัจจุบัน"แม้แต่คนที่มีการศึกษา"ยังตกเป็นเครื่องมือของ"เหยื่อล่อ ..ทางการเงิน"สิ่งนั้นก็คือ "ความโลภ"นั้นเอง
สมัยก่อนเรามักถูกสอน โดย "ปู่ย่าตายาย"ว่าอย่าสร้างหนี้ จงใช้จ่ายแต่พอตัว ..สิ่งเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วย"เอาของที่คุณอยากได้ไปก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง" ประเด็นปัญหามันอยู่ที่"หนี้"ที่คุณสร้างมันไม่ใช่หนี้ธรรมดา แต่มันเป็น"หนี้ทวีคูณ" --เพราะ"ดอกเบี้ย"ของสินค้าเหล่านี้อาจดูน้อยๆ..ผ่อนเดือนละไม่เท่าไหร่ แต่พอคำนวณเข้าจริง"มันเกือบเท่าตัว" ...ปัญหาหนี้เหล่านี้มีรากเหง้าจาก ประเทศที่"ศิวิไลทางการเงิน"อย่างอเมริกาที่คิด Product ทุกรูปแบบ ตั้งแต่คุณอยู่โรงเรียนก็ออก "Debit Card"ให้ พอคุณอยู่มหาลัย แทนที่จะให้เราจ่ายเงินสด..กลับปลูกฝังให้เราจ่ายผ่านบัตร พออายุถึงเริ่มทำงานก็ส่ง "Credit Card" มาให้ ..พอสักพักก็ส่ง "Car Loan" ตามด้วย "Home Loan" ..นี่แหละครับหลักการ Maxed Out คือ"ปลอกลอกคุณ"--ให้เป็นหนี้ให้มากที่สุด บวกดอกเบี้ยอีกหัวบาน และท้ายสุดก็รวมหนี้คุณเป็นก้อนเล็กๆ --"ให้คุณผ่อนจ่าย(ชั่วชีวิต)"
เดี๋ยว นี้เด็กหลายๆคน จ่าย Credit Card แค่ Minimum Required โดยไม่เคยรู้เลยว่า แท้จริง"เขาจ่ายเกิน(ราคาของ)ไปกี่เท่าตัว" อย่างบัตร Credit แท้จริงคือ"การสร้างนิสัยแห่งการเป็นหนี้ชั่วชีวิต" และสังเกตุไหมว่า ถ้าคุณจ่ายผ่านบัตร "คุณจะควักจ่ายง่ายกว่าเงินสด" และนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำไมธนาคารอยากให้คุณทำบัตรเครดิต ..ผมว่าคุณน่าจะเอะใจบ้างว่า ทำบัตรเครคิตใบเดียว แถม"ของมาสิบอย่าง".."ธนาคารเขาไม่โง่หลอกครับ..ทุกอย่างที่ให้คุณ เขารู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากคุณ!!" So Nothing is Free in this World !!
หัวใจ ความสำเร็จของ Maxed Out คือ พยายามให้คุณซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุด แต่พยายามให้คุณผ่อนให้นานที่สุด (สรุปคือคุณผ่อนแต่ ดอกเบี้ย เงินต้นทบไปเรื่อยๆ ..จนวาระสุดท้ายของชีวิต --"น่ากลัว!!") คุณรู้ไหมเขาขายบัตรเครดิตอย่างไร (ง่ายๆ) ผมก็บอกคุณว่า "พี่ครับ!!บัตรเครดิตนี่สุดยอด พี่คิดดูนะ..มีที่ไหนแต่ละเดือน ธนาคารสรุปยอดการใช้จ่ายมาให้คุณ ฟรี!! เหมือนคุณมีเลขาส่วนตัว ..สมมุติพี่มีบัตรเครดิตหลายใบ พี่ก็แบ่งแต่ละใบ เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ..เท่านี้พี่ก็สามารถควบคุมรายจ่ายในบ้านทั้งหมด ..พอปลายเดือนธนาคารก็สรุปเป็นStatement มาให้พี่(ฟรี) รายปีไม่ต้องจ่ายอะไร ..สมัครตอนนี้พี่เอาไปเลย "พัดลม Samsumg" ..สรุป คุณ(งง) อ้าปากค้า สมัครทันที" ก็นี่แหละ ชีวิต!!
"Home Loan" นี่ตัวแรงเลย ..มัน American Dream คือสร้างฝันให้ทุกคน"ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง "พอจุดฝันนี้ติด"--Demand มหาศาลของบ้านก็เกิดขึ้น ..พอ Demand มาก ราคาก็"พุ่ง"--ยิ่งพุ่งคนก็ก็ยิ่งซื้อ --ปั่น Bubble กันเข้าไป (รอบ Sub-prime ที่ผ่านมา)เขามีการสร้างแนวคิด การลงทุนในบ้านอย่าง"สวยหรู" เช่น ทุก 7 ปีราคา"บ้านจะทบต้น"....ถามจริงๆเถอะ คุณเชื่อไหม?? --ราคาบ้านมันขึ้นอยู่กับ Demand & Supply ดูตอนนี้ซิครับที่อเมริกา บ้านราคาตกเอา ตกเอา ก็เพราะ Demand มันไม่มี "มีแต่คนจะขายใช้หนี้"ราคาก็ตกเรื่อยๆ แต่หนี้ไม่ได้ตกตาม สรุป (คุณก็จ่ายหนี้ต่อไป)
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผม Anti ระบบ"ธนาคาร" --"ไม่ใช่ครับ" ผมเพียงแต่เตือน ให้ทราบถึงสิ่งที่อยู่"เบี้องหลัง" ..การค้าทุกประเภทล้วนมุ่งหวังกำไร --ไม่มีอะไรดีสุดๆ "อะไรที่มันดูเหมือนว่าดีเกินจริง มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีเกินจริงนั่นเอง" ...ปัจจุบันเราถูกสอนให้มีทุกอย่างที่คนอื่นมี ถ้าไม่มีเงินก้ไปกู้มามี .."แนวคิดต่างหากที่เป็นปัญหา" ..พฤติกรรมของคน มันได้บ่งบอกอยู่แล้วว่า "คนที่จะรวยหรือจน" ดังนั้น มันไม่ใช่โชคชะตา มันขึ้นอยู่กับ"คุณ"ต่างหาก
ผม เคยอ่านหนังสือของ Rich Dad Poor Dad ที่เขาสอนว่ามีทั้ง Good Debt และ Bad Debt คืออะไรที่"กู้เพื่อไปสร้างรายได้ก็เป็นสิ่งที่ดี(Good Debt)" แต่ถ้ากู้ไปซื้อของไม่จำเป็นก็เป็น Bad Debt --ตัวผมเองสมัยเปิดร้านอาหารที่ออสเตรเลีย ก็เอาบ้าง ผม Maxed Out บัตรเครดิตผมที่มีอยู่ ประมาณ 6 ใบ จากนั้นผมก็ไป กู้ธนาคารเพิ่มเพื่อขยาย"สาขา"ร้านอาหาร
..สรุปได้ว่าผม Leverage อย่างมหาศาล ตามตำรา MBA พอทำเปิดได้ ผมก็เริ่ม"ตึง"คือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไหนจะหนี้ธนาคาร ไหนจะหนี้บัตรเครดิต ผมเลยคุยกับลูกน้องว่า "เอางี้ผมจะให้ Stock Option คุณ" ..(พูดง่ายๆคือ ผมไม่มีเงินจ่าย เลยจะให้เขาเป็นหุ้นส่วน แบบที่นิยมใน Silicon Valley น่ะครับ) สรุป "เน่าครับ"ร้านนั้นปิดไปเลย ได้ฮา..น้ำตาแตก --ผมถึงบอกว่า "ตำรากับชีวิตจริง" มันหนังคนละม้วน ... นี่แหละครับ ไม่ว่าคุณจะเก่งระดับผู้ประกอบการก็ใช้ว่า Maxed out จะหลอกคุณไม่ได้ ---"มันอยู่ที่คุณ It's Only you" หุ หุ.....
รู้ไว้ก็ดี............
รู้ไว้ก็ดี............
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)