Ad

Right Up Corner

Ad left side

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คุณค่า"หลังธนบัตรที่เราไม่ค่อยสังเกตุกันครับ

แต่ละวัน...คุณใช้"ธนบัตร"ราคาไหนบ้างครับ

        แน่นอน คุณรู้ว่า"ธนบัตร"มีค่า แต่คุณรู้ไหมครับว่านอกจาก"ค่า"คือราคาของตัวเองแล้ว "ธนบัตร"ยังมี"คุณค่า" เพราะ"หลังธนบัตร"มีสิ่งดีๆ       ที่สอนเราอยู่  แต่เราไม่เคย"อ่าน" นอกเหนือจากไม่ค่อยสังเกตุว่า"หลังธนบัตร"แต่ละราคาเป็นภาพของกษัตริย์องค์ไหน
      
  ผมเลยขอนำ"คุณค่า"หลังธนบัตรมาบอก..
       ธนบัตร ๒o บาท ...คุณรู้ไหมว่าเป็นภาพของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหน
        คำตอบก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล และ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี่ มีข้อความว่า
       
"ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเองเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง
        และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี ด้วยความสุจริตและถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมแล้ว
        ความทุกข์ยากของบ้านเมือง ก็จะผ่านพ้นไปได้
        มาถึงแบงก์ร้อย
        ส่วนใหญ่คงจำกันแม่นว่า"หลังธนบัตร"สีแดงใบละร้อย เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช                        แต่คุณเคยรู้ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี้ไหม คำตอบนี่ครับ..
       
"ประเพณีทาสที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรสยาม ถึงเป็นวิธีทาสทำสารกรมธรรม์
        ขายตัวด้วยใจสมัคร มิใช่ทาสเชลย ที่เป็นการกดขี่อย่างร้ายแรงก็จริง
        แต่เป็นเครื่องกีดขวางทางเจริญ ประโยชน์และสุขสำราญ ของมหาชนอยู่อย่างหนึ่ง
        ซึ่งจำเป็นจะต้องเลิกถอน อย่าให้มีประเพณีทาสในพระราชอาณาจักรนี้
        กรุงสยามจึงจะมีความสมบูรณ์เท่าทันประเทศอื่น"
        แบงก์ ๕oo ล่ะ ใช้ธนบัตรสีม่วง รู้ไหมเป็นภาพพระองค์ไหน
        แน่นอนว่าหลายคนคงนึกไม่ออก ..เพราะเป็น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ในเราทราบคือ..
       
"การงานสิ่งใดของเขาที่ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา
        แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว"
        แบงก์ใหญ่ที่สุด ธนบัตรใบละ ๑ooo บาท
        หลายคนทราบดีว่าเป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เคย"อ่าน"สิ่งที่มี"คุณค่า"หลังธนบัตรไหมครับ
       
เศรษฐกิจแบบพอเพียง
        เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง
        นี่คือ"คุณค่า"หลังธนบัตรที่เราไม่ค่อยสังเกตุกันครับ

ขโมยรถ แสนง่ายๆ

Parking Garage จ๊าบสุดๆ ขอร้องให้เปิดดู

สิ่งที่เรามักจะนึกเสียใจก่อนเสียชีวิต



> > สิ่งที่เรามักจะนึกเสียใจก่อนเสียชีวิต

> > โดย : รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ pasu@acc.chula.ac.th

> > โดยนักเขียนผู้นี้เคยทำงานดูแลผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าจะเสียชีวิตและกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรอวันตาย
> > โดยเธอจะอยู่
> > กับผู้ป่วยเหล่านี้ในช่วงสามถึงสิบสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิต
> > โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เธอ
> > ได้มีโอกาสพูดคุย และรับฟังความในใจของผู้ป่วยเหล่านี้
> > เมื่อถามถึงสิ่งที่เสียใจหรือสิ่งใดๆ ก็ตามที่ถ้าทำ
> > ได้อยากจะย้อนอดีตไปเปลี่ยนแปลงนั้น
> > เธอพบว่ามีอยู่ห้าประเด็นที่มักจะพบในผู้ป่วยที่กำลังใกล้เสียชีวิต
> > เป็นส่วนใหญ่ครับ

> > ประเด็นแรก คือ
> > ผู้ป่วยเหล่านี้อยากจะมีความกล้าที่จะใช้ชีวิตตามแบบที่ตนเองอยากหรือต้องการจะเป็น
> > ไม่ใช่ดำรงชีวิตตามความต้องการหรือความคาดหวังของผู้อื่น < BR>> > ซึ่งพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ป่วยอยากจะ
> > เปลี่ยนแปลงมากที่สุดครับ
> > เนื่องจากเมื่อผู้ป่วยพบว่าชีวิตตนเองกำลังจะสูญเสียไป และมีโอกาสมองย้อน
> > กลับไปในอดีตนั้น จะพบว่ามีความฝันหลายๆ
> > อย่างที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำหรือยังไม่บรรลุ และเมื่อใกล้จะ
> > เสียชีวิตก็จะพบว่าความฝันของตนเองนั้นจะไม่มีวันบรรลุ
> > และส่วนใหญ่ก็มักจะมานั่งนึกเสียใจ เพราะ
> > สาเหตุที่ไม่สามารถทำตามความฝันได้นั้น เป็นเพราะตัวเองเลือกที่จะไม่ทำเอง
> > ตัวเองเลือกที่จะทำตาม
> > สิ่งที่ผู้อื่นขีดเส้นทางให้เดิน

> > ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับทุกๆ ท่านนะครับ ที่ในช่วงชีวิตหนึ่ง
> > ถ้ามีโอกาสและเลือกได้ก็ควรจะเดิน
> > ตามความฝันของตัวท่านเอง เพราะคนเราหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย
> > และเมื่อวันนั้นมาถึง เราก็คง
> > จะไม่มีแรงที่จะเดินตามความฝันที่เราต้องการแล้ว
> > การมีสุขภาพที่ดีจะช่วยทำให้ท่านเดินตามความฝันได้
> > แต่เมื่อใดก็ตาม ที่สุขภาพท่านเริ่มแย่แล้ว
> > อิสระในการเดินตามฝันก็ท่านก็จะลดน้อยลง

> > ประเด็นที่สอง คือ ผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตเหล่านั้น
> > คิดเสียใจว่าในอดีตจะไม่ได้ทำงานหนักเหมือนที่ผ่านมา
> > ซึ่งเหตุการณ์นี้ มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยชายเกือบทุกคนเลยครับ
> > คุณผู้ชายเหล่านี้มักจะเสียใจว่าในอดีตที่ผ่าน
> > มา ไม่ค่อยได้มีเวลาในการดูแลลูกๆ ของตนเท่าที่ควร
> > รวมทั้งไม่ได้อยู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากภรรยาเท่าที่ควร
> > ผู้ป่วยที่เป็นชายเกือบทุกคนจะรู้สึกเสียดายว่าในอดีตใช้
> > และให้เวลากับงานมากเกินไป

> > ข้อสังเกตนี้ก็น่าคิดนะครับ
> > ว่าในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับการทำงานมากเกินไปหรือไม่ เราต้องการ
> > แสวงหารายได้ ชื่อเสียง เกียรติยศมากเกินไปหรือไม่
> > สุดท้ายเมื่อเราใกล้ตายเราจะสำนึกเสียใจว่า
> > เราได้พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับมาหรือไม่
> > การมีรายได้ที่พอเพียงอาจจะเป็นทางออก
> > สำหรับทุกท่านนะครับ อีกทั้งการมีที่ว่า งในตารางเวลาและชีวิต
> > ที่ไม่ใช่เรื่องของการทำงานเพียงอย่าง
> > เดียว จะทำให้เรามีความสุขขึ้น และเมื่อเราใกล้เสียชีวิต
> > จะไม่มานั่งย้อนนึกเสียใจในสิ่งที่เราพลาดไป

> > ประเด็นที่สาม คือ
> > ผู้ป่วยอยากจะกล้าที่จะแสดงอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตน
> > เนื่องจากคนจำนวน
> > มากจะปิดกั้นอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตน
> > เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบและสันติ ทำ
> > ให้สุดท้ายแต่ละคนรู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองถูกเก็บกด
> > และไม่สามารถเป็นตัวตนที่แท้จริง

> > ประเด็นที่สี่ คือ ผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตนั้น
> > มักจะเสียใจที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ เนื่องจากเรามักจะไม่
> > ค่อยเห็นถึงคุณค่าของเพื่อนเก่าๆ จนกระทั่งใกล้เสียชีวิต
> > คนจำนวนมากจะมัวแต่ยุ่งและวุ่นวายกับชีวิต
> > ประจำวัน จนละเลยต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง
> > ทำให้เรามักจะไม่ค่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง
> > ต่างๆ จนกระทั่ง ใกล้จะเสียชีวิต ก็จะเริ่มนึกถึงเพื่อนฝูงขึ้นมา

> > ดูเหมือนว่าเมื่อคนใกล้จะเสียชีวิต เกียรติยศ เงินทอง หรือสถานะทางสังคมต่างๆ
> > กลับดูไปจะด้อยหรือ
> > ไร้ความหมายนะครับ สุดท้ายดูเหมือนว่า เรื่องของความรัก
> > ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะกลายเป็นสิ่งที่
> > ผู้ป่วยที่กำลังใกล้ตายนึกถึง

> > ประเด็นสุดท้าย ซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจ คือ
> > ผู้ป่วยเหล่านี้กลับสำนึกเสียใจว่าไม่ได้ทำให้ชีวิตที่ผ่านมาของ
> > ตนเองมีความสุขเท่าที่ควร
> > ผู้ป่วยหลายคนจะไม่เคยนึกถึงมาก่อนนะครับว่าตนเองสามารถที่จะเลือกที่จะ
> > ทำให้ชีวิตมีความสุขได้ คนจำนวนมากเลือกที่จะอยู่และปฏิบัติในสิ่งที่คุ้นเคย
> > ความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง
> > ทำให้คนเรามักจะหลอกตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นมีความสุข ซึ่งจริงๆ
> > แล้วกลับไม่ใช้

> > ท่านผู้อ่านจะเห็นได้นะครับว่าเมื่อคนเราใกล้จะตายนั้น
> > เรามักจะนึกย้อนกลับไปถึงอดีต และเริ่มสำนึก
> > เสียใจในสิ่งที่ได้ท ำหรือไม่ได้ทำมาในอดีต และเราจะพบว่าเมื่อเราใกล้ตายแล้ว
> > เงินทอง ชื่อเสียง
> > สถานะ เกียรติยศต่างๆ กลับไม่มีความหมาย สิ่งที่มีความหมายเมื่อใกล้ตาย คือ
> > เรื่องของความรักและ
> > ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
> > ซึ่งหลายครั้งกลับกลายเป็นสิ่งที่เราละเลยหรือไม่สนใจในขณะที่เรามีชีวิตอยู่

> > นอกจากนี้ เมื่อใกล้ตาย
> > คนเราจะพบว่าชีวิตในอดีตที่ผ่านมานั้นเรามีสิทธิที่จะเลือก
> > แต่เราดันเลือกในสิ่ง
> > ที่ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข หรือเลือกในสิ่งที่ทำให้เราต้องมาย้อนสำนึกเสียใจ
> > เมื่อเราใกล้ตาย ดังนั้น
> > ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่และยังแข็งแรง เราจะต้องเลือกอย่างมีสติ
> > เลือกอย่างฉลาด เลือกในสิ่งที่ถูก
> > และเลือกในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขนะครับ


อ่านข้อความนี้แล้ว มีความเห็นต่างออกไปนิดหนึ่ง คือ
การที่เราตัดสินใจทำสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกหรือความต้องการของตัวเองในอดีต อาจเพราะไม่ต้องการทำให้คนที่เรารักเสียใจ
ถ้าคนที่เรารักดีใจเราก็พลอยมีความสุขไปด้วย มิใช่หรือ
ถ้าย้อนกลับไปทำตามใจตัวเองได้ แล้วสิ่งนั้นทำให้คนที่เรารักเสียใจ
ก็จะเป็นตราบาปติดค้างในใจ พอใกล้ตายก็จะเสียใจอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้น จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ ทำวันนี้อย่างมีสติ ไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์
อย่างเดียวที่ต้องระวัง คืออย่าประมาทในการก่อเวรก่อกรรม
สำหรับตัวเองแล้ว สิ่งที่จะเสียใจ และอยากทำก่อนตายคือ ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรทุกคน

yengo ad

BumQ